
29 เมษายน 2568 จากกรณีที่มีเพจดังออกมาแฉว่า เรือต้นแบบเก็บผักตบชวาในเขื่อนกิ่วลม ราคาเกือบ 77 ล้าน สร้างเสร็จฝึกอบรมการใช้งานเมื่อปี 2566 จนถึงปัจจุบันยังจมในโคลนไม่ได้ใช้งาน ชาวบ้าน เผย ตั้งแต่นำมาทดลอง ไม่ได้ใช้งานจริงเลย เพราะเรือจมหลังนำเรือผูกกับแพ พายุซัดแพคว่ำดึงเรือจมสภาพแทบจำไม่ได้ และได้นำภาพเรือต้นแบบเรือเก็บวัชพืชที่ถ่ายไว้เมื่อ ปี 2566 มาเปรียบเทียบรูปเมื่อ ปี 2568 โดยจากข้อมูลโครงการพบว่าปีงบประมาณ2566 กรมชลประทาน ได้ทำการประกวดราคาจัดจ้างทำเรือต้นแบบ เพื่อเก็บวัชพืชลอยน้ำแบบอัดก้อน โครงการเรือต้นแบบ เพื่อเก็บวัชพืชลอยน้ำแบบอัดก้อน ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ วงเงินสัญญารวม 76,840,000 บาท ผู้รับจ้างที่ชนะการประมูลคือ บริษัมเอกชนแห่งหนึ่ง (โชคนำชัยไฮ-เทคเพรสซิ่ง) และในวันที่ 19 ธันวาคม 2566 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้เข้าอบรมการใช้งานระบบของเรือ และมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมในเว็บไซต์ของหน่วยงานด้วย
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวานนี้ ( 28 เม.ย.2568) เวลา 14.00 น. นายนิพลน์ ศรีวิลัย หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษากิ่วลม กิ่วคอหมา ได้นำผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่เรือจมอยู่ ซึ่งจุดดังกล่าวอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ซึ่งสภาพเรือเปื้อนไปด้วยคราบโคลน เนื่องจากแช่อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน และปัจจุบันระดับน้ำในเขื่อนได้ลดลงมากจนมองเห็นสภาพของเรือได้อย่างชัดเจน
โดยนายนิพลน์ เปิดเผยว่า เนื่องจากในเขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา ประสบปัญหามีวัชพืชที่หนาแน่น สำนักวิจัยและพัฒนากรมชลประทาน จึงได้คิดค้นเรือนวัตกรรมขึ้นมา ก็คือเรือเก็บย่อย และบดอัดวัชพืชให้เป็นก้อน ซึ่งได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนมาทำการก่อสร้างด้วยงบประมาณรวมทั้งหมดกว่า 76 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทเอกชนก็ได้มีการส่งมอบเรือให้กับสำนักวิจัยและพัฒนา ก่อนนำเรือดังกล่าวมาทดลองจัดเก็บวัชพืชในเขื่อนกิ่วลมตั้งแต่ในช่วงของเดือนธันวาคม ปี 2566
ทั้งนี้ ระหว่างนำเรือมาลงทดสอบระบบการทำงาน ได้มีการยื่นจดทะเบียนเรือและยื่นขออนุญาตต่างๆ จากนั้นสำนักวิจัยและพัฒนา ก็เตรียมส่งมอบในระบบให้กับเขื่อนกิ่วลมซึ่งทาง ผอ.เขื่อน ก็จะให้มีการตรวจสอบสภาพเรือก่อนรับมอบ แต่ปรากฏว่าในวันที่ 21 กันยายน ปี 2567 ในพื้นที่เกิดฝนตกหนัก มีลมแรงมาก และมีลมพัดสอบ ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งจากคนที่เฝ้าเรือว่าเรือหายไปจากจุดที่จอด เมื่อเข้ามาตรวจสอบก็พบว่าเรือจมอยู่ใต้น้ำในเขื่อน จึงมีการแจ้งไปยังสำนักวิจัยและพัฒนา และบริษัทเอกชนดังกล่าวให้ทราบ และลงมาดู
ตอนแรกว่าจะมีการทำการกู้เรือขึ้นมา แต่ในขณะนั้นสภาพน้ำมันแดงมองไม่เห็นใต้น้ำ จึงมีการคุยกันว่ารอน้ำลดจะดีกว่า ซึ่งหลังจากน้ำในเขื่อนลดลงก็มีการแจ้งไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกัน แต่มากลายเป็นข่าวก่อน
ส่วนสาเหตุที่เรือจมลงไปใต้น้ำนั้นต้องรอการตรวจสอบจากหน้าที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะในวันที่เรือจมในพื้นที่มีลม ฝนแรงมากด้วย และช่วงนั้นกำลังของจนท.ก็มีการเฝ้าระวังเรื่องการระบายน้ำในเขื่อน เพราะจังหวัดลำปางตอนนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ และหากประเมินด้วยสายตา คาดว่าน่าจะสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้