9 พฤษภาคม 2567 จากกรณีไฟไหม้ถังเก็บ "ไพโรไลซิส แก๊สโซลีน" หรือ "ไพแก๊ส" โดย ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือ EMCC นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้ที่ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ถนนไอ-แปด ทางเรือมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุดนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. สั่งการให้สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (สนพ.) จังหวัดระยอง อพยพคนในพื้นที่ทั้งพนักงาน และสถานประกอบการโรงงานทุกแห่งในพื้นที่เกิดเหตุออกจากพื้นที่โดยด่วน หลังเริ่มมีการลุกลามของเพลิงไหม้
โดยในพื้นที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับที่ 2 แล้ว หลังจากสั่งให้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับถังสารเคมี C-9 (nine) กลุ่มอโรมาติก เป็นการชั่วคราว พร้อมเร่งหาสาเหตุ-ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น กำชับให้ดูแล ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นของชุมชนรอบโรงงาน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ทั้งนี้ มีหน่วยงานเข้าร่วมระงับเหตุ ประกอบด้วย
1. รถโฟมดับเพลิง จาก บ. SCGC จำนวน 2 คัน
2. รถโฟมดับเพลิง จาก บ.PTT LNG จำนวน 2 คัน
3. รถดับเพลิงเทศบาลเมืองมาบตาพุด จำนวน 4 คัน (รถโฟม 2 คัน / รถน้ำ 2 คัน)
4. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สาขา 6 สนันสนุนรถดับเพลิง(ชนิดโฟม)จำนวน 2 คัน
5. บ.NPC S&E สนับสนุนโฟม จำนวน 1 หมื่นลิตร กับรถดับเพลิง เข้าช่วยระงับเหตุ
6. บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด สนันสนุนรถดับเพลิง จำนวน 2 คัน
โดยสถานการณ์ล่าสุด ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มลุกลาม ขณะนี้ทางจังหวัดระยอง ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับ 2 พร้อมอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่โดยเร่งด่วนแล้ว
พบเสียชีวิต 1 ราย
บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ออกเอกสารชี้แจงกรณีเกิดกลุ่มควัน พบมีพนักงานเสียชีวิต 1 ราย พร้อมยืนยันให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งนี้แถลงการดังกล่าวเป็น แถลงการณ์ฉบับที่ 2 มีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ทำเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ได้เกิดกลุ่มควันบริเวณถังจัดเก็บสารประกอบไฮโดรคาร์บอน C9+ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 10.45 น. โดยบริษัทฯ ได้ระดมทีมเพื่อควบคุมสถานการณ์ในทันทีที่เกิดเหตุตามแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน โดยได้ตัดแยกระบบ และหยุดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโรงานตามขั้นตอนความปลอดภัย ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมเหตุการณ์และประเมินความเสียหาย รวมทั้งการหาสาเหตุ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลและอยู่ในความดูแลของแพทย์ ต่อมาได้รับแจ้งว่ามีหนักงานเสียชีวิต 1 ราย