svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

อาจารย์ มช. กังวลกินข้าว 10 ปี รับสารพิษเชื้อรา แนะใช้ทำแอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู

08 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อาจารย์ มช. กังวลนำข้าวสารเก่า 10 ปีมาหุง อาจรับสารพิษจากเชื้อรา แนะอย่าขายให้คนหรือสัตว์บริโภค จะได้ไม่คุ้มเสีย แนะทางออกนำไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู

8 พฤษภาคม 2567 จากกรณีหุงข้าวสาร 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าว ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ โชว์รับประทานข้าวเก่า 10 ปี ขณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ตามโครงการรับจำนำข้าว ที่ บจก.พูนผลเทรดดิ้ง ต.เฉลียง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์ พร้อมยืนยันว่าข้าวสารในสต๊อกยังมีคุณภาพ แม้จะต้องผ่านการซาวน้ำ 15 ครั้งก่อนหุง ซึ่งหลังจากนั้นมีความเห็นอย่างหลากหลาย ห่วงถึงผลกระทบต่อสุขภาพ

ล่าสุด รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ รองศาสตราจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "พันทิพา พงษ์เพียจันทร์" ระบุว่า...

จากกรณีที่เอาข้าวเก่า ค้าง 10 ปี มาหุงรัปทานโชว์กัน ขอบอกว่าท่านได้รับสารพิษจากเชื้อราไปแล้วไม่น้อย หลายตัวหลายชนิดด้วย และใครที่ไปร่วมชิมเป็นสักขีพยานว่า ข้าวนั้นทานได้ ก็รับเคราะห์ไปด้วยค่ะ

1.ปกติอาหารสัตว์ เราจะเก็บพวกธัญเมล็ดต่างๆ (รวมถึงข้าว)ได้อย่างมาก 1 ปี ที่อุณหภูมิห้อง เช่นเดียวกับที่โรงสีที่โชว์เก็บ แต่ก่อนเก็บนอกจากรมควันแล้ว ความชื้นในเมล็ดธัญพืชจะต้องไม่เกิน 12% เพราะพวกนี้สามารถดูดซึมน้ำกลับได้ ซึ่งสภาพการเก็บของโรงสีที่เห็น ใส่ในกระสอบป่าน โอกาสดูดซึมน้ำกลับ ทำให้ความชื้นของเมล็ดข้าวสูงขึ้นแน่นอน

หากจะเก็บไว้นานกว่านี้ต้องเก็บในสภาพเย็นแบบแห้ง (Cold dry processing)* อุณหภูมิต้องไม่เกิน 13 °C ทำให้แมลงไม่ฟักออกเป็นตัว*
อาจารย์ มช. กังวลกินข้าว 10 ปี รับสารพิษเชื้อรา แนะใช้ทำแอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู

2.กระสอบป่านที่เก็บข้าว สภาพที่เห็น วางทับซ้อนกันสูงมาก อากาศไม่ถ่ายเท ส่งเสริมการดูดซึมน้ำกลับ ความชื้นในเมล็ดข้าวสูงขึ้น ส่งเสริมการเจริญของมอดแมลงต่างๆ

3.แม้จะรมยาแต่สถาพการวางทับกระสอบ รมยาไม่ทั่วถึงแน่นอน เพราะข้าวที่เอามาหุงแสดง ขณะล้างฟ้องอยู่แล้วว่ามีมอดข้าว ด้วง 

4.การที่เมล็ดข้าวมีความชื้น ส่งเสริมการเติบโตของมอด แมลงต่างๆ* หลักฐานประจักษ์ขณะซาวข้าว (15ครั้ง ตามข่าว ซึ่งข้าวปกติเราล้างไม่ถึง 3 ครั้ง)

5. การมีมอดแมลง มูลของแมลงเหล่านี้นำมาซึ่งการเจริญของเชื้อรา และแบคทีเรีย* ทำให้เน่าได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัว

6.จากสภาพข้าวที่หุงออกมา จะมีข้าวจำนวนไม่น้อย ที่มีสีน้ำตาลตรงปลายเมล็ด นั่นคือเม็ดข้าวที่ขึ้นรา อย่างน้อยต้องตรวจพบสารพิษอะฟลา 1 ตัว ตรวจง่ายๆโดยใช้เทคนิค บี จี วาย ฟลูโอเรสเซนท์ (Bright Greenish-Yellow Fluorescent)** ซึ่งสารนี้ทนอุณหภูมิได้ถึง 250°C *** และยังจะมีสารพิษอื่นๆตามมาอีกหลายตัว อุณหภูมิข้าวที่เราหุงน้ำเดือด 100°C ไม่สามารถทำลายพิษจากเชื้อราได้ อาจได้แค่แบคทีเรียจากมูลของแมลง
อาจารย์ มช. กังวลกินข้าว 10 ปี รับสารพิษเชื้อรา แนะใช้ทำแอลกอฮอล์ น้ำส้มสายชู

เห็นเจตนาดีของท่านที่จะหาเงินกลับคืน ขอแนะนำว่า

  • ๑. อย่าขายให้คนหรือสัตว์นำไปบริโภค ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเราจะมีคนป่วยด้วยมะเร็งมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคโดยตรง 
  • ๒. กรณีนำไปเลี้ยงสัตว์ เราจะได้ผลิตภัณฑ์ เนื้อ นม ไข่ ที่มีสารพิษจากเชื้อราตกค้างในอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น
  • ๓. การนำไปขายให้อัฟริกา ชื่อเสียงข้าวเน่าเสียของไทยจะกระจายไปทั่วโลก คู่แข่งเราจะได้เปรียบ  กว่าเราจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาคงหลายปี เสียตลาดข้าวให้คู่แข่ง โดยเขาไม่ต้องออกแรงเลย และที่สำคัญบาปตกอยู่กับผู้คิด ผู้ขาย แน่นอน
  • ๔. ขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู จะดีกว่า สอบถามนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การอาหารต่อไปค่ะ

หมายเหตุ:การตรวจสอบสารพิษเหล่านี้ มีตามมหาวิทยาลัยที่มีห้องแลปตรวจอาหารทั่วไปหรือกรมปศุสัตว์หรือบริษัทรับตรวจสารพิษในอาหาร

ที่มา : เพจเฟซบุ๊ก "พันทิพา พงษ์เพียจันทร์"

logoline