svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

30 เมษายน "วันชานมไข่มุก" แพทย์แนะกินอย่างไรห่างไกลโรค

29 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

30 เมษายน "วันชานมไข่มุก" เครื่องดื่มที่หลายคนหลงรัก "Nation STORY" ชวนรู้จักวันนี้มีที่มาอย่างไร และข้อแนะนำวิธีกินให้ห่างไกลโรค

30 เมษายน ของทุกปี ตรงกับ "วันชานมไข่มุกแห่งชาติ" มีที่มาจากร้านชากังฟู (Kung Fu Tea) ซึ่งเป็นร้านชานมไข่มุกเจ้าดังมีหลายสาขาทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 หรือ พ.ศ. 2553 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ร้านชากังฟู ได้เสนอ "National Day Calendar" ว่าให้มีการจัดตั้ง วันชานมไข่มุกแห่งชาติ หรือ "National Bubble Tea Day" ส่วนสาเหตุที่เลือกวันที่ 30 เมษายน เพราะเป็นวันก่อตั้งร้าน โดยมีการประกาศลงหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี 2562

ต้นกำเนิด "ชานมไข่มุก" มาจากไหน

มีเรื่องเล่าว่าร้านน้ำชาชื่อ "ชาชุนฉุ่ยถัง" ในเมืองไถจง ประเทศไต้หวัน น่าจะเป็นร้านแรกที่คิดค้นเมนู "ชานมไข่มุก" ช่วงปี ค.ศ. 1988 หรือประมาณปี พ.ศ. 2531 โดยขณะที่ทุกคนกำลังล้อมวงประชุมอยู่นั้น คุณหลินชิ่วฮุย (ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์) ได้เทขนมหวานชิ้นเล็กๆ ลงไปในน้ำชา ทุกคนในห้องประชุมเห็นว่าน่าสนใจ จึงทำออกมาขาย ปรากฏว่ายอดขายทำลายสถิติเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ทางร้านจึงทำเมนู "ชานมไข่มุก" ออกมาขายตั้งแต่นั้นมา

และยังมีเรื่องเล่าอีกว่ามีที่มาจากร้านน้ำชา "หานหลิน" ที่เมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน ช่วงปี 1990 โดยร้านนี้มีเจ้าของร้านชื่อ "ถัวซ่งเหอ" ได้ใส่เม็ดสาคูสีขาวลงไปในชา ทำให้มันเหมือนไข่มุก เป็นที่มาของคำว่า "ชาไข่มุก" หลังจากนั้นไม่นานร้านหานหลินเปลี่ยนสีสาคูจากสีขาวเป็นสีดำ นำมาใส่ในน้ำชา ทำให้เครื่องดื่มนี้มีหน้าตาเหมือนชานมไข่มุกที่ทุกคนคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

30 เมษายน \"วันชานมไข่มุก\" แพทย์แนะกินอย่างไรห่างไกลโรค

แม้ "ชานมไข่มุก" จะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน แต่การดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำ อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การเป็นโรคต่างๆ ดังเช่นที่ โรงพยาบาลเพชรเวช ให้ความรู้ไว้ดังนี้

โรคเบาหวาน : องค์การอนามัยโลกได้กำหนดการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา ชานมไข่มุกมีส่วนผสมหลักคือ น้ำตาล และแป้ง ในหนึ่งแก้วจะมีน้ำตาล และคาร์โบไฮเดตจากไข่มุก ที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลอีก ทำให้การบริโภคชานมไข่มุกวันล่ะหนึ่งแก้ว มีสิทธิที่จะได้รับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา และถ้าบริโภคเป็นประจำ จะทำให้ผู้บริโภคนั้นมีสภาวะน้ำหนักเกิน และเป็นโรคเบาหวานได้

โรคอ้วน : การบริโภคชานมไข่มุกอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมหนึ่งที่จะก่อให้เกิดโรคอ้วน คือการมีสภาวะน้ำหนักเกิน การอ้วนลงพุง แขน และขามีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้โรคอ้วนอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจหลอดเลือด และโรคไขข้อเสื่อม เป็นต้น

โรคหลอดเลือด และหัวใจ : ในส่วนประกอบของชานมไข่มุก เต็มไปด้วยน้ำตาล และไขมันชนิดเลว (LDL) ซึ่งจะเพิ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ ถ้ารับประทานมากกเกินไป ทำให้ร่างกายกำจัดไตรกลีเซอร์ไรต์ได้ไม่หมด ส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือด และหัวใจได้

30 เมษายน \"วันชานมไข่มุก\" แพทย์แนะกินอย่างไรห่างไกลโรค

วิธีกินชานมไข่มุกให้ปลอดโรค มีดังนี้
 
1. เลือกแก้วขนาดที่เล็กที่สุด รับประทานชานมไข่มุกแค่พอประมาณ เพราะ ชาไข่มุกเป็นเครื่องดื่มแคลอรีสูง ไม่ใช่เป็นอาหารหลัก

2. ลดระดับความหวานให้ต่ำที่สุด ชานมไข่มุกรสชาติหวานปกติมักจะมีปริมาณน้ำตาลเยอะอยู่แล้ว ทำให้การบริโภคน้ำตาลในแต่ล่ะวันเกินกว่า 6 ช้อนชาได้ ดังนั้นควรลดระดับน้ำตาลที่ละขั้น จนถึงขั้นไม่หวานเลย จะยิ่งดี

3. ลดอาหาร ในวันที่รับประทานชานมไข่มุก ควรลดปริมาณอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ในวันที่รับประทานชานมไข่มุก เพื่อไม่ให้ได้รับปริมาณน้ำตาล และไขมันเลว (LDL) จนมากเกินไป

 

อ้างอิงข้อมูล : คมชัดลึก, กรุงเทพธุรกิจ, โรงพยาบาลเพชรเวช

logoline