svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เจอ "แคดเมียม" อีก 1,000 ตัน ล็อตเดียวกับที่ขนมาจากตาก ซุกโรงงานสมุทรสาคร

07 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พบ "กากแคดเมียม" ที่ถูกส่งมาจาก จ.ตาก เพิ่มอีก 1,000 ตัน ซุกโรงงานพื้นที่สมุทรสาคร และอีก 700 ตันที่ชลบุรี รมว.อุตสาหกรรม สั่งปูพรมตรวจสอบในพื้นที่และใกล้เคียง ตอนนี้พบแล้วประมณ 70% จากที่ขนมากว่า 15,000 ตันแล้ว

7 เมษายน 2567 ความคืบหน้ากรณี ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงาน และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบและยึดอายัด "กากแคดเมียม" ที่อยู่ภายในโรงงาน เจแอนด์บี เมททอล จำกัด พื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ประมาณ 3,000 ตัน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา 
แคดเมียมที่พบในโรงงาน ต.บางน้ำจืด สมุทรสาคร

โดยมีรายงานว่า  "กากแคดเมียม" ดังกล่าว ถูกขนมาจาก จ.ตาก น้ำหนักกว่า 15,000 ตัน และสูญหายไปบางส่วน กระทั่งวานนี้ (6 เม.ย.) ตำรวจ ปทส. ไปพบ "กากแคดแเมียม" เพิ่มเติม ที่โกดังโรงงานแห่งหนึ่งแถวคลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี อีกประมาณ 7,000 ตัน และอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อติดตามหา "กากแคดเมียม" ส่วนที่ยังหายไป
แคดเมียมที่พบในโรงงานชลบุรี
 

ล่าสุด วันนี้ (7 เม.ย.) ตำรวจ ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก ในพื้นที่ หมู่ 7 ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

ผลการตรวจค้น พบถุง บิ๊กแบ็ค ภายในบรรจุ "กากแคดเมียม" มีลักษณะเหมือนกับที่ตรวจค้นโรงงานก่อนหน้านี้ ทั้งใน จ.ชลบุรี และ จ.สมุทรสาคร เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมี "กากแคดเมียม" ประมาณ 700 ตัน  โดยจุดนี้เป็นจุดที่ 3 ที่พบการลักลอบขน "กากแคดเมียม" มาเก็บไว้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด ได้เก็บตัวอย่างน้ำ ในบริเวณ โรงงาน และตามแหล่งน้ำในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อนำกลับไปตรวจสอบคุณภาพว่า มีสาร "แคดเมียม" ปนเปื้อนในน้ำด้วยหรือไม่  
เจอ \"แคดเมียม\" อีก 1,000 ตัน  ล็อตเดียวกับที่ขนมาจากตาก ซุกโรงงานสมุทรสาคร

ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงว่า กากสังกะสีปนแคดเมียมดังกล่าว ถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ผู้ที่ครอบครองโดยผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดี นั้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้สนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และ บก.ปทส. เข้าตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งใน ต.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหล่อหลอมทองแดง และตะกอนทองแดง พบกอง "กากแคดเมียม" กระจายอยู่ทั้งในและนอกอาคาร จำนวนกว่า 1,000 ตัน จึงได้ทำการยึดอายัด และแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กับโรงงานดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้สั่งให้โรงงาน เคลื่อนย้ายกองกากเข้าไปในอาคารทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของ "กากแคดเมียม" ขณะเดียวกัน ทาง สอจ.สมุทรสาคร ยังได้แบ่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงงานอีกแห่งในพื้นที่ ต.นาโคก จ.สมุทรสาคร ซึ่งคาดว่า จะมีกอง "กากแคดเมียม" เช่นเดียวกัน

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม
น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า จากการตรวจสอบและยึดอายัด "กากแคดเมียม" ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับจำนวนได้เกือบ 12,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวน "กากแคดเมียม" ทั้งหมด ที่ขนมาจาก จ.ตาก โดยตนได้มอบให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เร่งตรวจสอบในพื้นที่อื่น ๆ ทั้งในสมุทรสาคร และจังหวัดใกล้เคียงที่คาดว่า จะมีการจัดเก็บ เพื่อรอการแปรสภาพหรือขนส่งไปที่อื่น และเคลื่อนย้าย "กากแคดเมียม" ที่ยึดอายัดทั้งหมด กลับไปฝังกลบที่เดิมโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนคลายความวิตกกังวล

เจ้าหน้าที่เร่งขยายผล

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ (7 เม.ย. 67) ทาง ตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร หลังขยายผลจากการเข้าตรวจค้นบริษัทในพื้นที่จังหวัดชลบุรี พบว่าแคดเมียมหลายพันตันถูกส่งไปจากโรงงานแห่งนี้

โดยจากการเข้าตรวจค้นพบว่า บริษัทแห่งนี้มีถุงบิ๊กแบ็คที่มีกากอุตสาหกรรมแคดเมียมเจือปนอยู่จำนวน 673 ถุง หรือทั้งหมด 1,034 ตัน ที่รับมาจากบริษัท เจแอนด์บีเมททอล จำกัด ซึ่งจัดอยู่ทั้งในตัวอาคารและด้านนอกของอาคาร 

จากนั้น นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงาน ได้ทำความเข้าใจกับนายจาง ชาวจีน เจ้าของบริษัทฯ ว่าจะต้องตรวจนับ และเก็บตัวอย่างเพื่อยืนยันว่ามีองค์ประกอบตรงกับกากแคดเมียม และทำการอายัดไว้ทั้งหมด ทั้งนี้หากพบว่า มีสารประกอบตรงกับแคดเมียมจะต้องกล่าวโทษดำเนินคดีตามขั้นตอน และสั่งห้ามเคลื่อนย้ายของทั้งหมด ซึ่งนายจางก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี

นายจาง เจ้าของบริษัทฯ ระบุว่า ได้มีการขนย้ายถุงบิ๊กแบ็กมาไว้วันที่ 26-31 มี.ค. ซึ่งตอนแรกตนเองแจ้งกับบริษัทเจแอนด์บีฯ ว่าไม่มีที่วาง แต่บริษัทเจแอนด์บีฯ แจ้งว่า จะฝากไว้ 1-2 สัปดาห์ แล้วจะมาขน ซึ่งตนเองก็ได้ค้าขายกับบริษัท อยู่แล้ว ก็รู้จักเป็นเพื่อนทำธุรกิจ พอเขาว่าจะฝากไว้ 1-2 สัปดาห์ ก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรเลยให้ฝากไว้ ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่ และตอนนั้นเราก็รู้อยู่แล้วว่าของข้างในมีทองแดง 

ขณะที่ ลูกของนายจาง บอกเพิ่มเติมว่า หลังจากทราบข้อมูล และทางบริษัทเจแอนด์บีฯ จะมาเอาของประมาณวันที่ 16-17 เมษายน นี้

แต่ด้วยความร้อนใจเห็นข่าวเมื่อคืน จึงได้หารือกับฝ่ายกฎหมายและไปแจ้งความเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะบริษัทเจแอนด์บีฯ เอามาฝากโดยอ้างว่า โกดังที่เขาเช่าหมดสัญญา และรู้ว่าเป็นทองแดง ที่จะต้องมาคำนวนปริมาณขาย ทางตนเองไม่เคยรู้เรื่องสารแคดเมียม หรือเรื่องวัตถุอันตราย 

ซึ่งที่ผ่านมา ทำสัญญาซื้อขายกัน 5,000 ตัน และบริษัท เจแอนด์บีฯ ขนไปชลบุรีแล้ว 4,000 ตัน และมาฝากไว้ที่ตนเอง 1,000 กว่าตัน

โดยการทำธุรกิจซื้อขายกากอุตสาหกรรม กว่า 5,000 ตัน ครั้งนี้ มีนายหน้าคนหนึ่ง ชื่อกฤต (นามสมมติ) มาเสนอตนเองว่า บริษัทที่ จ.ชลบุรี ต้องการทองแดง ทางตนเองก็เป็นฝ่ายจัดซื้อและมาพิสูจน์ว่ามีปริมาณเท่าไร โดยเป็นคนกลางไปดีลกับบริษัทเจแอนด์บีฯ ให้ จากนั้นบริษัทเจแอนด์บีฯ ก็ส่งของตรงไปให้ที่ จ.ชลบุรี กว่า 4,000 ตัน ส่วนอีก 1,000 ตัน เนื่องจากยังไม่ได้จ่ายเงิน เลยเอามาฝากไว้ที่ตนเองก่อน

นายจาง บอกด้วยว่า ตนเองก็เป็นนายหน้าเหมือนกัน และจะได้เงินจากค่าคอมมิชชั่น ซึ่งในทางสัญญา บริษัทที่ชลบุรี กับบริษัทเจแอนด์บีฯ ทำสัญญาผ่านตนเอง แต่ทางขนส่ง บริษัทเจแอนด์บีฯ ก็ส่งตรง ทั้งนี้ส่วนต่างเงินที่ตนเองจะได้ เฉลี่ยกำไรประมาณ 300-500 บาทต่อตัน โดยจะต้องหักความชื้นด้วย

ด้าน พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ เกิดจากการขยายผล การตรวจค้นที่จังหวัดชลบุรี โดย หลิว เจ้าของกิจการที่จังหวัดชลบุรี ให้การว่า นายจาง ที่อยู่ใน จ.สมุทรสาคร เป็นนายหน้า ติดต่อประสานงานซื้อขาย จึงทำให้ได้ข้อมูล รวมถึงที่อยู่จนนำมาสู่การขอหมายค้นเข้าตรวจค้นในวันนี้ 

และจากการตรวจสอบเอกสารสัญญาซื้อขายทำให้พบว่า มีนายหน้าอีกหนึ่งคน ซึ่งจะมีการขยายผลสืบสวนสอบสวนว่านายหน้าคนดังกล่าวมีการเป็นนายหน้าให้กับบริษัทอื่นอีกหรือไม่ เบื้องต้น เข้าข่ายความผิดฐาน มีวัตถุอันตรายไว้ในครอบครอง โทษจำคุก 2 ปี ปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

logoline