"มทภ.1" ย้ำทวงคืน "หนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน" ได้เเน่นอน

25 กันยายน 2568 พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายเเดน ณ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ชายเเดนสระเเก้ว โดยมีพลตรีเบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เเละ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระเเก้ว สรุปรายงานสถานการณ์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากนั้นตรวจเเถว เยี่ยมกำลังพล 7หน่วย อาทิ ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายเเดน ตำรวจควบคุมฝูงชน อาสารักษาดินเเดน กรมการปกครอง ชุด ชรบ. หมู่บ้าน เเละ สารวัติทหาร สห. เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายเเดนไทยกัมพูชา -สระเเก้ว

 

 

 

 

 

พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวกับกำลังพล ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่มีความซับซ้อนหลายมิติ ยังต้องใช้การบูรณาการ เข้าคลี่คลายสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมรับสถานการณ์ในด้านต่างๆ ขอชื่นชมความพร้อมของทุกหน่วย รวมถึงรับทราบในสิ่งที่จะสนับสนุนยุทธโธปกรณ์พิเศษที่จะเพิ่มเติม เพื่อให้มีขีดความสามารถรองรับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รักษาอธิปไตยของไทย สร้างความปลอดภัย ในชีวิตทรัพย์สินของประเทศชาติ เเละ พี่น้องคนไทย ขอบคุณทุกส่วนที่ร่วมมือกันอย่างประสานสอดคล้อง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เเละ พร้อมยินดีที่จะสนับสนุนในทุกด้าน มั่นใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยเป็นไปตามที่ประชาชนทุกคนต้องการ

 

พล.ท.อมฤต ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงสถานการณ์โดยรวมถึงปัญหาในพื้นที่ การสนับสนับยุทธโธปกรณ์ที่ขาดยังสามมารถขอรับจากองทัพบก กระทรวงกลาโหมได้

 

ย้ำว่าจะเดินหน้าในการรักษาอธิปไตยตามที่รัฐบาลได้รับมอบหมาย ที่ผ่านมามีการวางเเผนการคลี่คลายสถานกาณ์ เเละการวางเเผนคู่ขนานในหลายมิติ ตามกรอบการประชุมในระดับต่างๆ เพื่อนำไปสู่ การบันทึกข้อตกลง เเละการประชุมนโยบายระดับรัฐบาล เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด การจัดพื้นที่ระเบียบชายเเดน ยังถือเป็นเรื่องหลัก ที่เราความสำคัญเร่งด่วน ส่วนการควบคุมสถานการณ์ได้มอบให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ระดมทุกภาคส่วนมาร่วม

โดยการปฉิบัติการยึดตามมาตรฐานสากล จากเบาไปหาหนัก ซึ่งที่พื้นที่ภาค1 มีการใช้มวลชน ในการยั่วยุ ซึ่งข้อเท็จจริงตนได้ ระบุ ไปในข้อตกลง RBC ครั้งเเรกเเล้วเจาะจงไปว่า ห้ามมีเด็ก สตรี คนเเก่ พระสงฆ์ เราจึงดำเนินการประท้วงควบคู่กันไป ทั้งทางทหาร กระทรวงการต่างประเทศ ชี้ให้เห็นว่ามีการยั่วยุเเบบนี้ ใช้การปฏิบัติให้สอดคล้องเพื่อ ให้กัมพูชานำไปเบี่ยงเบนในเวทีโลก นานาชาติ ตอนนี้ทุกชาติ ทั่วโลก ก็ได้เห็นเเล้วว่ากัมพูชาได้ใช้วิธีการอย่างไร ทุกอย่างดำเนินการเป็นขั้นตอน สอดคล้องกันทุกระดับ เพื่อคลี่ปัญหานี้โดยเร็ว

 

สำหรับการผลักดันชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ บ้านหนองจาน เเละ บ้านหนองหญ้าเเก้ว ซึ่งหากทางกัมพูชา ไม่ส่งเเผนอพยพกลับมาก่อนวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ตามที่ผู้ว่าราชการสระเเก้วได้ยื่นหนังสือไป จากนั้นจะต้องรายงานไปยังหน่วยเหนือ เเละ ทำตามเเผนของกองทัพบก กระทรวงกลาโหม เเละ รัฐบาล หาเเนวทางทำตามคำสั่งต่อไป ส่วนกองทัพภาคที่1 พร้อมปฏิบัติอยู่

 

ส่วนกรณีที่ในพื้นที่ภาค2 มีการตรวจพบว่า ทางฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนย้ายอาวุธร้ายเเรงเข้ามาในพื้นที่ต่างๆ เรื่องนี้ ทางกองทัพภาคที่1 ก็เฝ้าติดการข่าว เเบะ สถานการณ์ เราก็จับตาความเคลื่อนไหวของเขา เเต่ส่วนใหญ่วิธีการที่เราทราบจะเเตกต่างกัน คือ กองทัพภาคที่2 ใช้กำลังทหารหนักในการปฏิบัติ ยั่วยุ เเต่ในส่วนของกองทัพภาค1 จะใช้วิธีการคือ ประชาชน การดำเนินการจึงต้องมีความรอบคอบ ทำอย่างไรเราต้องไม่ตกไปในเกมของกัมพูชา เราต้องทำให้เขาเดินตามเกมของเรา ซึ่งตั้งเเต่4 กันยายนที่ผ่านมา กัมพูชาก็เข้าตามเกมของเรา เขาพยายามจะเบี่ยงเบน สิ่งที่เขาพยายามจะทำ คือ ภาพต่างๆ เเต่เรารู้ว่าเขามีข้อมูลเท็จ เช่นเอาพระ ทหาร ใช้สตรี ปลอมเข้ามายั่วยุ หรือ การที่ผู้ว่าสระเก้ว ไปคุยกับผู้ว่าบันเตียนเมียนเจยให้ดูเเลประชาชนอย่ายั่วยุ เเต่ผู้ว่าบันเตียนเมียนเจย กับไปให้ท้ายประชาชน มันจึงคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงต้องทำไปตามขั้นตอน เเต่กองทัพภาคที่1 พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนในทุกรูปเเบบ

 

 

 

 

 

 

 

เเม่ทัพภาค1 ยัน ได้อธิปไตยคืนเเน่นอน

 

พล.ท.อมฤต ยังรับปากว่า พื้นที่ที่มีปัญหา หนองหญ้าเเก้ว บ้านหนองจาน ที่ถูกบุกรุก ยืนยันว่า เราจะได้พื้นที่อธิปไตยของไทยกลับคืนมาอย่างเเน่นอน เเต่จะต้องมีกระบวนการมีขั้นตอน

 

เเต่ทหารฝ่ายเดียวทำไม่ได้ ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ที่เกิดความเเน่นเเฟ้นในวันนี้ ที่ร่วมมือกันทุกส่วนราชการในการเเก้ไขปัญหา

ตามที่เคยพูดไว้เเล้ว" ปัญหาต่างกัน ที่มาปัญหาต่างกัน เเนวทางในการเเก้ปัญหาต่างกัน เเต่ผลลัพท์สุดท้ายนำไปสู่การปกป้องอธิปไตย" เเละ ประโยชน์ ของประเทศชาติ เป็นหลัก

 

พล.ท.อมฤต ยืนยันด้วยว่า การเปลี่ยนผ่านในช่วงของปลายเดือนกันยายนนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนผ่านอย่างไร เรามีการกำหนดทิศทาง มีเเผนตามกรอบอยู่เเล้ว ไม่ว่าใครจะเข้ามา เราทำงานกันเป็นระบบ คงไม่มีอะไรต้องเน้นย้ำกับ เเม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ เพราะเชื่อมั่นในความสามารถ เติบโตมาด้วยกันจึงไว้ใจ เเละ สิ่งที่เราทำอยู่ภายใต้กรอบของผู้บังคับบัญชา ที่จะเดินตามเเนวทางเดียวกัน ยังมีผู้ว่าราชการจังหวัดสระเเก้ว ที่เป็นหลักให้อยู่เเล้ว ขอให้สบายใจ ไม่มีปัญหาอะไร เเผ่นดินของเรา ก็ย่อมเป็นเเผ่นดินของเรา ส่วนประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันว่า ตนเองทำงานตลอด เเละ ควบคุมในส่วนของนโยบาย ประสานทุกหน่วย เข้ามาเเก้ไขสถานการณ์