svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ทั่วไทย

กระทรวงเกษตรฯ คุมเข้มบริหารน้ำเขื่อนไม่ให้กระทบประชาชน

โฆษกกระทรวงเกษตรฯ ย้ำคุมเข้มบริหารจัดการน้ำเขื่อนลดผลกระทบประชาชนมากที่สุด พร้อมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง 470 แห่ง

นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์น้ำในวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวม 55,117ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ78 ของความจุอ่างรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 15,810 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างรวมกัน

 

โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 10แห่ง คือ เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนแม่มอก, เขื่อนห้วยหลวง, เขื่อนน้ำอูน, เขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนวชิราลงกรณ, เขื่อนบางพระและเขื่อนประแสร์

 

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 50% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 16 แห่ง คือ เขื่อนภูมิพล, เขื่อนแม่กวงอุดมธารา, เขื่อนกิ่วลม, เขื่อนกิ่วคอหมา, เขื่อนน้ำพุง, เขื่อนจุฬาภรณ์, เขื่อนอุบลรัตน์, เขื่อนลำปาว, เขื่อนลำแชะ, เขื่อนสิรินธร, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์, เขื่อนขุนด่านปราการชล, เขื่อนหนองปลาไหล, เขื่อนแก่งกระจาน, เขื่อนนฤบดินทรจินดา และเขื่อนรัชชประภา

 

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณน้ำระหว่าง 31 - 50%ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 5แห่ง คือ เขื่อนลำพระเพลิง, เขื่อนมูลบน, เขื่อนกระเสียว, เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนบางลาง

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 4 แห่ง คือ เขื่อนลำตะคอง, เขื่อนลำนางรอง, เขื่อนทับเสลาและเขื่อนคลองสียัด

 

ทั้งนี้ สถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศ จำนวน 470 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 59,112 ล้าน ลบ.ม. (77% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 35,163 ล้าน ลบ.ม. (67% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 17,395 ล้าน ลบ.ม.สามารถแยกเป็นรายภาค ดังนี้

 

ภาคเหนือ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 21,351 ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 14,514 ล้าน ลบ.ม. (76% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 4,619 ล้าน ลบ.ม.

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 7,495 ล้าน ลบ.ม. (71% ของความจอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้5,674 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 2,995 ล้าน ลบ.ม.

ภาคกลาง มีปริมาณน้ำในอ่าง รวมกันทั้งสิ้น 1,131 ล้าน ลบ.ม. (62% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 1,045 ล้าน ลบ.ม. (60% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 707 ล้าน ลบ.ม.

 

ภาคตะวันตก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 21,628 ล้าน ลบ.ม. (81% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 8,340 ล้าน ลบ.ม. (62% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 5,141 ล้าน ลบ.ม.

 

ภาคตะวันออก มีปริมาณในอ่างฯรวมกันทั้งสิ้น 1,678 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้1,528 ล้าน ลบ.ม. (64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 846 ล้าน ลบ.ม.

 

ภาคใต้ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 5,829 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 4,064 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 3,086 ล้าน ลบ.ม.

 

นายเอกภาพ กล่าวว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ปัจจุบัน (18 ก.ย.) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 20,360 ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 13,664 ล้าน ลบ.ม. (75% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 153.91 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกจากอ่างฯ66.33ล้าน ลบ.ม.สามารถรับน้ำได้อีก 4,511 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็น

 

เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำใช้การได้ 6,758 ล้าน ลบ.ม. (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 55.12 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบาย 10.00 ล้าน ลบ.ม.

 

เขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำใช้การได้5,507ล้าน ลบ.ม. (83% ของความจุอ่างฯรวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 28.09 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบาย 19.99 ล้าน ลบ.ม.

 

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปริมาณน้ำใช้การได้ 734 ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 16.37 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบาย 10.37 ล้าน ลบ.ม.

 

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำใช้การได้ 665 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 54.34 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบาย 25.97 ล้าน ลบ.ม

 

ส่วน แม่น้ำปิงปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี P.17 อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ วัดได้526 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 615ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.71 เมตร

 

แม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี N.67 อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ วัดได้1,244 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 17 ก.ย.: 1,244ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.88 เมตร

 

สำหรับการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา (ณ 06.00 น.) สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,200 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน 17.04 ม. ระดับน้ำท้ายเขื่อน 15.23 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.11 ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

นายเอกภาพ ย้ำว่า กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด