
16 กันยายน 2568 กรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือน ระบุว่า จากอิทธิพลของฝนที่ตกหนักต่อเนื่องบริเวณตอนบนด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น แม้จะบริหารจัดการด้วยการทดน้ำและนำน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม แต่ยังมีน้ำส่วนเกินที่จำเป็นต้องระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีมติเห็นชอบให้กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,000 – 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 40 – 60 เซนติเมตร และจะมีผลกระทบต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใน ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ รวมถึงพื้นที่แม่น้ำน้อย สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ และคลองบางบาล โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำใน อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.เสนา อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน ซึ่งถูกน้ำท่วมขังอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จะมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.หัวเวียง อ.เสนา พบว่าที่วัดบันไดช้าง น้ำจากแม่น้ำน้อยได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บริเวณลานวัด มีระดับน้ำท่วมสูงราว 60–70 เซนติเมตร บริเวณรอบอุโบสถ โชคดีที่น้ำยังไม่เข้าภายใน ทำให้องค์พระประธานไม่ได้รับความเสียหาย
ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ก่อสร้างในพื้นที่ลุ่มต่ำ ถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา นอกจากนี้ บ้านเรือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำน้อยถูกน้ำท่วมหนัก หลายครัวเรือนต้องใช้เรือในการสัญจร สะพานหัวเสียงที่ข้ามแม่น้ำน้อยระดับน้ำมีความสูงจนเกือบจะถึงตัวคานสะพาน
ล่าสุดกรมชลประทาน แจ้งว่า ได้ทยอยเปิดประตูน้ำ และท่อลอด โดยในขณะนี้ได้มีการเปิดประตูระบายน้ำ และท่อลอดทั้งหมดบริเวณโดยรอบทุ่งรับน้ำ ทั้งทุ่งบางบาล และทุ่งป่าโมกแล้ว เช่น ประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง ขณะนี้เปิดอยู่ระดับ 15 ซม. ประตูระบายน้ำวัดใบบัว ขณะนี้เปิดอยู่ระดับ 10 ซม. ท่อลอดในพื้นที่ทุ่งบางบาล-บ้านแพน ทั้งหมดมีการเปิดระบายน้ำแล้ว โดยมีจุดสำคัญ ดังนี้
ทั้งนี้ ในการระบายน้ำเข้าทุ่งรับน้ำนั้นมีความจำเป็นที่จะต้อง “ทยอย” ระบายน้ำเข้าทุ่ง เพื่อที่จะยังคงสามารถควบคุมปริมาณน้ำภายในทุ่งรับน้ำ และ ไม่ให้กระทบกับพื้นที่ถนนและบ้านเรือนประชาชนภายในทุ่งรับน้ำ ประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.บางไทร อ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางปะอิน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 87 ตำบล 550 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,024 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย