หล่มสักอ่วม! เพชรบูรณ์ น้ำทะลักท่วมหนักในรอบ 10 กว่าปี

1 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอตอนบนของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะอำเภอน้ำหนาว อำเภอหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก ส่งผลให้น้ำป่าไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักและไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนทั้งในอำเภอหล่มสักและอำเภอหล่มเก่า 

ล่าสุดช่วงค่ำที่ผ่านมามวลน้ำจากอำเภอหล่มเก่าได้มาถึงอำเภอหล่มสัก และได้ล้นพนังกั้นน้ำแม่น้ำป่าสักไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ทำให้ประชาชนซึ่งส่วนมากเป็นร้านค้าต้องรีบขนย้ายทรัพย์สินขึ้นสู่ที่สูง บางรายเคลื่อนย้ายไม่ทันทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เพราะไม่คิดว่ามวลน้ำจะมีปริมาณมากขนาดนี้

เมืองหล่มสักถูกน้ำท่วมหนักที่สุดคือในปี 2554 หรือเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา และนอกจากนั้นในช่วงค่ำที่ผ่านมาพนังกั้นน้ำแม่น้ำป่าสักบริเวณหน้าวัดไพรสณฑ์ศักดาราม พระอารามหลวง ได้เกิดพังทลายลงมา 2 ช่อง น้ำได้ทะลักเข้าสู่วัดและบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว เทศบาลเมืองหล่มสักจึงได้เร่งนำเครื่องจักรยกแบริเออร์ซีเมนต์ไปปิดไว้จนสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ 

และในช่วงเช้าที่ผ่านมาระดับน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เทศบาลเมืองหล่มสักเริ่มทรงตัวเมื่อเวลา 05.00 น. บางจุดน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50 ซม.รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ โรงเรียนหลายแห่งในพื้นที่อำเภอหล่มสักและอำเภอหล่มเก่า ต้องปิดการเรียนการสอนจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอหล่มเก่าหลังจากเมื่อวานได้รับผลกระทบอย่างหลักล่าสุดเช้านี้ (1ก.ย.2568) นายพงษ์รัตน์ เมืองปาก ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย พบว่าพื้นที่ประสบเหตุอุทกภัยยังคงมีน้ำท่วมอยู่ในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ คือ ในตำบลตาดกลอย หมู่ที่ 1 บ้านวังขอน ประมาณ 40 หลังคาเรือน หมู่ที่ 8 บ้านวังม่วง ประมาณ 10 หลังคาเรือน ส่วนพื้นที่อื่นๆ สถานการณ์ปัจจุบัน ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประชาชนได้ทำความสะอาดบ้านเรือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอำเภอหล่มเก่า ได้รับผลกระทบ ทั้ง 9 ตำบล โดยส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน และพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนได้รับความเสียหาย อำเภอหล่มเก่า ได้เร่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นำหมู่บ้าน ได้เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ และรายงานให้อำเภอหล่มเก่าทราบ เพื่อจักรายงานจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือฯ ต่อไป