
2 สิงหาคม 2568 สถานการณ์ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับช่องอานม้า ชาวบ้านในอำเภอน้ำยืน ต่างคอยติดตามข่าวสารเกี่ยวกับช่องอานม้ากันตลอด ล่าสุดชาวบ้านมีความกังวลกลัวว่าจะเสียช่องอานม้าไปด้วย
ทีมข่าวเนชั่นทีวี ลงพื้นที่ไปสำรวจชุมชนที่อยู่ใน ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับช่องอานม้าห่างกันแค่ประมาณ10กิโลเมตร ก็พบว่า เริ่มมีประชาชนเดินทางกลับเข้ามาที่บ้านกันบางส่วนแล้ว และร้านค้าชุมชนเริ่มกลับมาเปิดทำการค้าขายกันแล้ว หลังจากอพยพกันออกไป
และชาวบ้านทุกคน ล้วนติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการสู้รบที่บริเวณช่องอานม้าด้วย เพราะถือเป็นพื้นที่บ้านของพวกเขา
สมาน พลธัน อายุ 43 ปี เกิดที่นี่ เล่าให้ฟังว่า จากการติดตามข่าวเรื่องของช่องอานม้า แม้ว่าจะมีการชี้แจงว่า สามารถยึดพื้นที่ได้เพิ่ม แต่เขาก็ยังกังวลกลัวจะเสียช่องอานม้าให้กับกัมพูชา เพราะพื้นที่ตรงอนุสาวรีย์ตาอม เขายืนยันว่า เป็นของไทย แต่ที่ผ่านมา กัมพูชาขึ้นมาสร้างสิ่งปลูกสร้าง แล้วเราไม่ได้ผลักดันออกไปจนมาถึงปัจจุบันที่มาสร้างนุสาวรีย์ได้ และในฐานะชาวบ้าน ก็อยากให้ผู้นำของไทยมีความเด็ดขาด เพราะทหารเขาเด็ดขาดมาแล้ว
ยืนยันว่า “ที่นี่เป็นบ้านเกิดของเรา ไม่อยากไปที่อื่นและไม่อยากให้ใคร”
ขณะที่อีกบ้านที่เราไปพูดคุย ก็อยู่ใกล้ทางขึ้นช่องอานม้าเช่นกัน และวันนี้เขาเพิ่งจะพาลูกเล็ก พาภรรยากลับมาที่บ้านเป็นวันแรกหลังจากอพยพไปตั้งแต่ 24 ก.ค. 2568 แม้สถานการณ์จะยังไม่แน่นอน แต่ก็เป็นห่วงบ้านอยากกลับมาก่อน
เพลิน ชัยรัตน์ ชาวบ้าน ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บอกเลยว่า ชาวบ้านทุกคนรู้ดีว่า ช่องอานม้าเป็นของเรา เมื่อก่อนมีคนขึ้นมาขายของพอนานๆเข้าก็มาสร้างเพิงพัก เราไม่ได้ขับไล่ แล้วก็พออยู่นานๆเป็นสิบปี จะไล่ก็ลำบาก พร้อมยอมรับว่า อยากจะได้พื้นที่ตรงนี้คืนมาเป็นของไทย และควรจะผลักดันกัมพูชาให้ออกไปตั้งนานแล้ว