
2 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ต่างแสดงอาการชาชิน ต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่ซ้ำซากจำเจ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พักการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในระหว่างการสอบสวนด้านจริยธรรม
รายงานระบุว่า ศาลได้พิจารณาคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ที่กล่าวหานางสาวแพทองธาร ว่าไม่ซื่อสัตย์และละเมิดมาตรฐานจริยธรรม โดยอ้างคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ในประเด็นละเอียดอ่อนกับ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ยังมีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน ที่เธอบอกว่า มีจุดประสงค์เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องดินแดนและความตึงเครียดระหว่างทหารที่ชายแดน
คลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ก่อให้เกิดความโกรธแค้นภายในประเทศ และทำให้รัฐบาลของแพทองธาร มีเสียงปริ่มน้ำ หลังพรรคใหญ่อย่างภูมิใจไทยถอนตัว และกล่าวหานางสาวแพทองธารว่า บ่อนทำลายอำนาจอธิปไตย ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงก็ขู่ว่าจะจัดการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่
ในขณะที่คนกรุงเทพฯ มองว่า เรื่องคลิปหลุดนี้ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เป็นการพูดเพื่อประโยชน์ของประเทศ และการสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนางสาวแพทองธาร ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
รอยเตอร์ยังสัมภาษณ์ ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักวิชาการจากสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า แม้ว่าแม้คลิปเสียงจะกลายเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายต่อนางสาวแพทองธาร แต่ก็มีการเคลื่อนไหวเพื่อทำลายเสถียรภาพของเธอ พรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพ่อของเธอมาตั้งแต่ต้น และมองว่า สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่มั่นคงนี้ จะยังคงดำเนินต่อไป ที่อาจนำไปสู่การแทรกแซงทางทหารในอนาคต แม้ความเป็นไปได้ในปัจจุบันจะต่ำอยู่ก็ตาม