
17 พฤษภาคม 2568 การเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ฮือฮาตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดี "กัสร์ อัล วาทัน" (Qasr Al Watan) ด้วยพิธีการต้อนรับอันน่าตื่นตาตื่นใจ ที่เรียกว่า "ระบำอัล-อาลายา" (Al-Ayyala) ซึ่งเป็นศิลปะการเต้นรำพื้นเมืองของ UAE โดยมีหญิงสาว และเด็กผู้หญิงเข้าแถวสองฝั่ง และสะบัดผมที่ยาวสะบัดผมไปมา
ทรัมป์ เดินผ่านผู้หญิงหลายสิบคนที่สวมชุดสีขาว ขณะทำการแสดง โดยมีผู้ชายตีกลองอยู่ด้านหลัง พร้อมกับโบกสิ่งที่คล้ายดาบ ซึ่งเขาบอกว่า "เมืองนี้ช่างสวยงามจริงๆ! ผมชอบ!"
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization) หรือ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียน "อัล-อาลายา" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) โดยอธิบายว่า อธิบายว่า อัล-อาลายา เป็นการแสดงที่ "มีการขับร้องบทกวี การตีกลอง การเต้นรำ และจำลองฉากการสู้รบ" ซึ่งโดยทั่วไปการแสดงอัล อาลายา จะจัดขึ้นในงานแต่งงาน และงานเฉลิมฉลองใน UAE และโอมาน
UAE ต่างจากประเทศอื่นในตะวันออกกลาง เช่น อิหร่าน โดยไม่มีกฎหมายที่บังคับให้ผู้หญิงต้องปกปิดผม และในการเยือนภูมิภาคนี้ของทรัมป์ ประเทศเหล่านี้ ได้พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับเขา เช่น ซาอุดิอาระเบีย จัดเครื่องบินรบ 6 ลำ คุ้มกันเครื่องบินประจำตำแหน่ง Air Force One ของทรัมป์ ส่วนกาตาร์ จัดขบวนอูฐ และขบวนไซเบอร์ทรัครอรับ นอกเหนือจากการคุ้มกันด้วยเครื่องบินขับรบด้วย ทรัมป์ อยู่ที่กาตาร์ในวันรุ่งขึ้น ซึ่ง ทรัมป์ ได้รับการคุ้มกันโดยเครื่องบินขับไล่ด้วย