ใช้่คำว่านางสาวได้ครบหนึ่งปีพอดีหลังจาก ปิ่น เก็จมณี พิชัยรณรงค์สงคราม ได้หย่าขาด เจ เจตริน อดีตสามีล่าสุดเจ้าตัวพร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเป็นครั้งแรกให้กับทุกๆ คนว่าเราได้เจอกับอะไรในเหตุการณ์นี้ คิดว่าอะไรคือสิ่งคนอาจจะเข้าผิดในช่วงที่ผ่านมา
ที่มาผ่านไม่ได้ออกมาพูด ?
ปิ่น เก็จมณี : ปิ่นไม่รู้นะว่าเข้าใจผิดเรื่องอะไร เพราะเรารับแต่พลังบวก ก็เลยไม่ค่อยได้ทราบว่าเขาเข้าใจอะไรผิดกันบ้าง แล้วก็เหมือนมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรไม่ดีสักเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ ปัญหาครอบครัวก็ต้องมีอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็เป็นนางสาวครบ 1 ปีพอดี (หัวเราะ) ได้กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง
กี่ปีแล้วที่คบกัน ?
ปิ่น เก็จมณี : ตั้งแต่ 1995 เกือบ 30 ปี เป็นแฟนกันมานานมาก
เชื่อว่าภาพนี้ไม่ใช่ภาพที่ปิ่นคิดว่าจะเกิดขึ้น ?
ปิ่น เก็จมณี : ไม่คิดเลย ไม่เคยคิดเลย เพราะว่าเป็นคนที่มีความฝันที่จะมีครอบครัว มีความสุขเหมือนผู้หญิงทั่วไป เนื่องจากว่าครอบครัวตัวเองมีการหย่าร้างเกิดขึ้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่เรา 2 ขวบ ก็เลยมุ่งมั่นมากว่าเราจะทำครอบครัวให้เพอร์เฟ็กซ์ อบอุ่น ไม่ว่าเราจะต้องเสียสละอะไรเราจะทำให้ถึงที่สุดตลอดชีวิต แต่ระหว่างทางมันก็ขรุขระ ไม่ได้สวยงาม ไม่ได้แบบทุ่งลาเวนเดอร์หรอก แต่ด้วยเราเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะหาเรื่องยิ้มทุกวัน หาเรื่องสนุกทุกวัน หาเรื่องมีความสุขในความทุกข์ก็ได้ มันก็ผ่านมาได้ด้วยดีเรื่อยๆ
วินาทีที่ต้องตัดสินใจ ?
ปิ่น เก็จมณี : มันน่าจะไม่ใช่วันนั้น มันเป็นอะไรที่มาเรื่อยๆ คอยๆ มา จนสุดท้ายถึงวันที่เราตัดสินใจด้วยสติ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง รวมทั้งหมดแล้วเราคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกกันดีกว่า ในเวลาที่ลูกพร้อมแล้วด้วย ในเวลาที่ทุกคนมีความสุข
แล้วเขาตกลงเลยไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : มันก็ใช้เวลาเป็นปีๆ นะ มีหลายครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่หลายปีว่าแยกกันไหมหรือยังไงดี ก็ไม่เคยที่จะแยกกัน สุดท้ายแล้วก็กลับมา ก็ดีขึ้นทุกครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายที่พอคุยกันแล้วเขาบอกโอเคก็ตกใจเหมือนกันนะ ไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ โอเคได้เลยเดี๋ยวนัดวันมา
อาจจะเพราะเรื่องราวที่สะสมจนอึดอัดหรือเปล่า ความรู้สึกเป็นยังไง ?
ปิ่น เก็จมณี : ก็เหมือนไลฟ์สไตล์มันต่างกันออกไปเยอะมาก จากที่เราเคยสนุกด้วยกันตั้งแต่เด็ก เพราะเราคบกันสนุกมาก เราบู๊ล้างผลาญด้วยกัน เราเล่นกีฬาด้วยกัน ไปที่ไหนก็ไปด้วยกัน แต่ตอนหลังมาอาจจะเรื่องของสุขภาพของปิ่น ที่ปิ่นใส่สะโพกเทียมไปซนด้วยไม่ได้แล้ว เขาก็คงจะต้องไปสนุกของเขา ปิ่นก็สนุกของปิ่น เวลาทำงานก็ไม่ตรงกันเขาก็ทำงานกลางคืน เราก็จะต้องนอน ก็ต้องดูแลไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเรา ลูกของเรา เวลามันก็ต่างกันแล้ว ก็เลยค่อนข้างที่จะห่างกัน แต่ก็เหมือนพยายามจะกลับมาหาอะไรทำที่เหมือนๆ กัน ร่วมกันได้บ้างมันก็คงน้อยลง
ตอนนั้นเพื่อนส่งข้อความมาหาเยอะไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : เยอะมาก อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เพราะว่าบางทีมันจี๊ดอ่ะ ยิ่งคนมาโอ๋มันยิ่งร้องไห้ แบบไม่อยากร้องแล้ว
แปลว่าร้องไห้มาเยอะ ?
ปิ่น เก็จมณี : เฮ่อ! จะบอกว่าไม่เยอะก็ไม่ได้ มันก็เป็นวันๆ เนอะ บางทีแบบวันนี้แฮปปี้จังเลย เหมือนไบโพลาร์ อีกวันหนึ่งคือร้องไห้อย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว หลายคนเลือกที่จะไม่แยกแล้วอยู่ต่อเพราะลูก แต่เราคิดว่าในยุคสังคมที่เปลี่ยนไปแล้วลูกที่โตขึ้นก็ต้องทำความเข้าใจมากขึ้น
อยากจะรู้ในมุมมองของลูกแต่ละคนจะมีผลกระทบไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : แน่นอนค่ะ สิ่งแรกที่คิดถึงคือลูก แล้วก็เราคุยกันมาโดยตลอด ลูกรู้ทุกอย่างตลอดเวลา เราเป็นเพื่อนกัน
แล้วลูกดูแลคุณยังไงในโมเมนต์ที่เราพีคที่สุด ?
ปิ่น เก็จมณี : ดูแลอย่างดีทุกคน น่ารักมาก ลูกกลายเป็นผู้ใหญ่ไปเลย ตอนที่เราไม่อยู่บ้านลูกก็ดูแลสัตว์เลี้ยงให้เราด้วย (หัวเราะ) โดยเฉพาะ เจ้าขุน อยู่กับหมาจนนิสัยเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะปิ่นเป็นคนระเบียบมากมีกฎเกณฑ์ทุกอย่าง แต่พอเราออกจากบ้านไปขุนก็รับอาสาดูแลให้ ก็คือเอาหมามาบ้านคุณแม่บ้าง อยู่กับขุนบ้าง แต่เจออีกทีหมาเสียหมาหมดเลย (หัวเราะ) คำนี้ได้ใช้เลยอ่ะ ขุนก็บอกว่าก็นิสัยเหมือนขุนอ่ะมัม เละตุ้มเป๊ะยังกับผ้าขี้ริ้ว
ตอนที่ปิ่นจับเข่าคุยกับลูก คุยพร้อมกันทั้ง 3 คนเลยไหม หรือแยกกันคุย ?
ปิ่น เก็จมณี : ก็มีบ้างค่ะ แยกกันบ้าง มันจะเป็นอะไรที่ค่อยๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ แล้วลูกก็เห็นมาทุกอย่างเลย แต่ก็เคยที่คุยว่าจะเป็นเพื่อนกันนะ ซึ่งเขาก็บอกเขายังไม่พร้อม ขอเข้ามหาวิทยาลัยก่อนได้ไหม จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้พูดกับเราโดยตรงนะ แต่เขาแอบพูดกับคนอื่น แล้วคนอื่นมาเล่าให้ฟัง บางคนก็พร้อม บางคนก็ยังไม่พร้อม
รู้เหตุผลไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : ด้วยความรู้สึกที่เขาอยากตั้งใจเรียนก่อน เขาอยากทำงานแบบมีสมาธิ อยากเป็นผู้ใหญ่ก่อน เมื่อเขาพร้อมเขาจะบอก พอเขาบอกเราก็เลยโอเค รอมาหลายปี ดังนั้นคือไม่ใช่เรื่องฟ้าผ่า คือไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นเลย แต่ว่าเราเป็นคนไม่ชอบประกาศให้โลกรู้
เป็นครอบครัวที่ให้ความบันเทิง ลูกทั้ง 3 คนก็โตมากับพี่น้องชาวไทย เราคิดว่าถ้าเขาโอเคไปต่อได้ก็หมดห่วง ?
ปิ่น เก็จมณี : เจ้านาย เจ้าขุน เจ้าสมุทร ก็ไปได้ด้วยดีมากตอนนี้
เจ้าสมุทร รู้ตัวหรือยังว่าเขาจะเป็นอะไร ?
ปิ่น เก็จมณี : เขาก็ชอบทุกอย่างเหมือนพี่ แต่เหมือนหลายคนไปเตือนเขาว่าชอบจริงหรือเปล่า ใช่เหรอ จนเขาสับสน ไปๆมาๆ เขาก็เลยไปสนใจทางด้านถ่ายรูปแล้วตอนนี้ก็อินมาก นั่งอยู่ได้เป็นวันๆ
ตอนนี้เป็นห่วงคนไหนที่สุด ?
ปิ่น เก็จมณี : ไม่ห่วงค่ะ คือห่วงไปตามวัย ตามแต่ละคน แต่ละเรื่อง ก็แสบกันคนละแบบ ด้วยความที่เราสนิทกันมาก เพราะฉะนั้นก็คุยกันทุกสเต็ปอยู่แล้ว
เขาเล่าให้คุณแม่ฟังทุกอย่างไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : ทุกอย่างจนไม่อยากจะฟังอ่ะ (หัวเราะ) บางทีแบบฉันไม่ต้องจินตนาการเลย ก็เล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ก็สนุกดี ก็มีทุกอารมณ์ ทุกรส แล้วก็จะมาปรึกษาว่าทำแบบนี้ดีไหม คนนี้เป็นยังไง เวลาไปหึงเขาแล้วเขาก็โกรธ เราหึงได้ไหม งอนได้ไหม หรือว่าไปขอโทษยังไงดี ง้อยังไง ก็คุยกันหมดทุกอย่าง
ตอนนี้คุณตกลงว่าจะแบ่งกันยังไงในการดูแลลูก ?
ปิ่น เก็จมณี : ก็สลับไปมา ก็ยังเป็นเพื่อนกัน
ตอนนี้เป็นนางสาวแล้ว เริ่มมีความรู้สึกกับผู้ชายคนอื่นบ้างหรือยัง ?
ปิ่น เก็จมณี : เรียนตามตรงเลยว่าไม่เอาเลย แล้วไม่มีใครมาจีบด้วย คือความที่เรามีแฟนมาคนเดียวเกือบ 30 ปี อยู่ๆ จะให้เรามีคนคุย ก็มีทอมมีอะไรมาบ้างนิดๆหน่อยๆ เราก็รู้สึกไม่คุ้นอ่ะ คุยกับลูกแล้ว ลูกก็บอกว่าอยู่เฉยๆ เถอะมัม เพราะว่าตัวเองตามพวกผู้ชายเขาไม่ทันหรอก เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็โดนหลอกอีก
หลายๆคนไม่ทราบว่า ปิ่น ค่อนข้างที่จะเปิดกว้างมากในแง่ของความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรก็ตาม ?
ปิ่น เก็จมณี : ได้ค่ะลูกเข้าใจ คือตลอดเวลาลูกๆ อยากให้อยู่เฉยๆ แต่เขาก็เหมือนสงสารแม่ กลัวแม่เหงา เพราะว่าไม่มีใครเลย ก็อยากให้แม่มีเพื่อนคุย ให้แม่กระชุมกระชวยบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว เจ้านายบอกว่า ถ้าแม่มีแฟนจริงๆนะ เจ้านายกัดลิ้นตายดีกว่า (หัวเราะ) แล้วจะมาอนุญาติฉันทำไม อยู่เฉยๆ ฉันก็มีความสุขดี ขุนก็บอกขุนคงต่อยเขา สมุทรก็บอกไม่โอเค แล้วใครจะกล้าเข้ามาเนี้ย! พูดขนาดนี้ แต่เอาจริงๆ เราก็มีความสุขแล้ว อยู่กับลูกที่น่ารักทั้ง 3 คน แล้วเพื่อนๆก็น่ารัก ครอบครัวปิ่นก็อบอุ่นมาก
เรื่องดีๆที่ ปิ่น เก็จมณี ได้เจอจากเหตุการณ์ทั้งหมดคืออะไร ?
ปิ่น เก็จมณี : คือเพิ่งรู้ว่ามีคนรักเราจริงใจกับเราเยอะมากขนาดนี้ มากจริงๆค่ะ แล้วก็หวังดีประสงค์ร้ายก็มี เราก็เลือกที่จะเหลือวงกลมให้มันเล็กลง ไม่ค่อยพูดอะไรกับใครเยอะ มันคือปากต่อปาก ไปต่อไป ความมันเปลี่ยน มันไม่สนุกเลย แล้วปิ่นรักลูกมาก ทุกอย่างที่จะออกจากปากปิ่น คือแคร์ลูกที่สุด
เคยมีแบบแม่ลูก 3 คนร้องไห้กอดกันพร้อมกันไหม ?
ปิ่น เก็จมณี : มี ช่วงนั้นๆ
คุณโชคดีที่มีตั้ง 3 สมุน.ในการดูแล ?
ปิ่น เก็จมณี : ใช่ ขอบคุณพระเจ้าเลย แค่มี 3 คนนี้ชีวิตก็เต็มแล้ว เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข เขาอยู่กับเราตลอด
ชื่นชมในตัวคุณที่มีความเข้มแข็ง ที่ต้องอยู่กับความรู้สึกนั้น แล้ววันนี้ก็ได้ยกออกไปจากอกแล้วมันก็โล่ง ?
ปิ่น เก็จมณี : โล่ง สบาย เจอหน้ากันก็ทักกันคุยกัน แรกๆก็อาจจะแปลกๆ นิดหนึ่ง เคอะเขิน แต่ตอนหลังก็ชินแล้ว
ช่วงนี้ก็มีเวลาเยอะขึ้น ?
ปิ่น เก็จมณี : ใช่ ก็ดูแลลูก ออกกำลัง ที่ขาดไม่ได้คือ 50 ปีแล้วค่ะ ก็ต้องดูแลความสวยความงาม
ที่มา Woody FM