
25 กันยายน 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 806 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายชนัญชิต , นายเวชพิสิฐ , นายภัทรดนัย , นายธนาวุฒิ , นายสหัสวรรษ , นายนัฐภัทร , นายยศพล , นายชุติวัต , นายณัฐวุฒิ ,นายปณิธาน , นายปองพล , นายณัชพล , นายอิทธิศักดิ์ เ และ นายศุภรพงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-14 ฐานสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 14 คน เคยเป็นหรือเป็นนักศึกษาสถาบันชื่อดังย่านเทคโนโลยีปทุมวัน ได้บังอาจสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป จับกลุ่มปรึกษากันเพื่อกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยวางแผนฆ่านักศึกษาหรือผู้ที่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ทั้ง 2 สถาบันนี้มีความขัดแย้งสืบเนื่องกันมาหลาย 10 ปี
ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. 65 เวลากลางวัน หลังจากที่จำเลยทั้ง 14 กับพวก ได้บังอาจร่วมกันมีอาวุธปืนพก ไม่ทราบขนาดไม่ปรากฏเครื่องหมายทะเบียน 3 กระบอก และกระสุนปืนลูกซอง ขนาด .38 จำนวน 12 นัด ร่วมกันยิงประทุษร้าย กลุ่มบุคคล ซึ่งกำลังร่วมงานฉลองมงคลสมรส ภายในบ้านย่านถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม. ซึ่งเป็นผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขต อุเทนถวาย
กระสุนปืนถูก นายณัฐวุฒิ จบการศึกษาจากราชมงคลวิทยาเขตพระนคร ผู้เป็นแขกมาร่วมงาน ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกเป็นเหตุให้นายณัฐวุฒิถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 คน และบาดเจ็บอันรายแก่กาย 2 คน โดยจำเลยที่ 10 นำรถจยย.คันดังกล่าวไปซุกซ่อนที่บ้านของตาของจำเลยที่ 10 และร่วมกันนำเสื้อผ้าที่จำเลยที่ 1 - 9 และจำเลยที่ 11 -14 สวมใส่ในวันเกิดเหตุเผาทำลายที่บ้านในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 80,83, 91, 184, 210, 289 พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ก่อนก่อเหตุขณะก่อเหตุและหลังเกิดเหตุ ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงมาประมวลผลกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยแบ่งคณะพนักงานสอบสวนแยกกันทำ ยากที่จะสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง 14 คนมีสาเหตุโกรธเคืองกับพนักงานสอบสวนมาก่อน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนกระทำไปตามหน้าที่ พยานหลักฐานมีน้ำหนักรับฟังได้
รับฟังได้ว่าเมื่อเดือน ก.ค. 2565 มีหตุนักเรียนเทคโนโลยีช่างกลปทุมวันถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน เป็นเหตุให้กลุ่มจำเลยร่วมกันกราดยิงโดยไม่เจาะจง เพื่อเป็นการแก้แค้นสถาบันคู่อริ โดยในวันที่ 12 ส.ค. 65 จำเลยได้ประชุมวางแผนที่บ้านพักของจำเลยที่ 7 ย่านหนองจอกโดยมีจำเลยที่ 1, 4, 7, 8 ,11-13 ไปดูลาดเลา ยังจุดเกิดเหตุแบ่งหน้าที่การจัดเตรียมอาวุธปืน รถ จยย. เบอร์โทรศัพท์เฉพาะกิจที่สำหรับก่อเหตุ โดยในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นคนใส่ชุดไรเดอร์ขี่รถ จยย. ก่อนโทรศัพท์ส่งสัญญาณให้กลุ่มจำเลยที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินและเสื้อสีครีมขี่รถ จยย.เข้าไปกราดยิงยังจุดเกิดเหตุเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บสาหัส 3 คน และบาดเจ็บอันตรายแก่กาย 2 คน จากนั้นจำเลยทั้งหมดได้หลบหนี
จำเลยที่ 1-5, 7-9 ,11-13 จึงมีส่วนร่วมกันประชุมก่อเหตุเพื่อแก้แค้นสถาบันคู่อริ โดยแบ่งหน้าที่กันชัดเจน หลังก่อเหตุได้นำพยานหลักฐานไปซุกซ่อนทำลาย คำต่อสู้ของจำเลยที่ 1-5, 7-9 ,11-13 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เป็นการสมคบการ 5 คนขึ้นไปเพื่อฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ฐานซ่องโจร, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนจำเลยที่ 6, 10, 14 พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-5, 7-9 ,11-13 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นบทลงโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 พิพากษาประหารชีวิตแต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1-5, 7-9 ,11-13 และให้จำเลยที่ 1-5, 7-9 ,11-13 ร่วมกันชดใช้เงินแก่มารดาของผู้เสียชีวิตจำนวน 1,677,400 บาท พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 6, 10, 14
ภายหลังนางรุจลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) มารดาของนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษา อัยการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำสำนวนคดีได้อย่างเป็นธรรม กับการที่เราสูญเสียลูกไป เพราะยังมีอีกหลายคนหลายเหตุการณ์ที่เจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อยากให้ได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกับคดีนี้ ซึ่งลูกชายไม่ได้เรียนหนังสือที่อุเทนถวาย แต่มาถูกยิงในงานแต่ง จริงๆ ก็อยากจะบอกว่าทั้ง 2 สถาบันต่างก็พัฒนาและสร้างบุคลากรออกมาได้ดี เพียงแต่เรื่องความขัดแย้งอาจจะเกิดจากรุ่นพี่มีอุดมการณ์หล่อหลอมมาแบบผิด ๆ จึงอยากให้เลิกเพราะการสูญเสียลูกเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก
ด้าน นางพรพิมล ประจำเมือง แม่น้องหยอดที่ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมครูเจี๊ยบ กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม วันนี้ได้มาให้กำลังใจและเรียกร้องความเป็นยุติธรรมให้ นายณัฐวุฒิ หรือ น้องเฟิร์ส ซึ่งมีผู้ต้องหา 2 คนในกลุ่มนี้ก่อเหตุซ้ำเพราะก่อเหตุยิงน้องเฟิร์สในงานแต่งงานจนเสียชีวิต จากนั้นได้ประกันตัวออกไปยิงครูเจี๊ยบกับน้องหยอด ซึ่งมือยิงกับคนพาหลบหนี คดียิงครูเจี๊ยบ และน้องหยอด โดนศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต แต่อีก 20 กว่าคนได้ประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์คดี ตอนนี้อยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยตนครุ่นคิดมาตลอดว่าทำไมถึงได้ประกัน
ด้าน นางศศิมา สุทธิกุล แม่น้องเต๋อ กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่ไปยิงน้องเต๋อ ตายที่บ้านในงานวันเกิดแม่ โดยที่น้องเต๋อไม่ได้เรียนอุเทนถวาย เพียงแต่เป็นเพื่อนไปมาหาสู่กับรุ่นน้องที่เรียนอุเทนถวาย ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ทั้งที่มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ลายพิมพ์นิ้วมือในรถ เหมือนคดีฆ่าคนตายโดยไม่มีความผิด น้องเขาวิ่งหนีร้องขอชีวิต แต่โดนยิงซ้ำ 5 นัดตัดเส้นเลือดใหญ่จนเสียชีวิต ถ้าโดนยิงแต่นัดเดียวหมอบอกรอดตาย ไม่ถึงกับเสียชีวิต อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายตนด้วย