
10 กันยายน 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีนำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ วัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน (หลวงพ่อเงิน) อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ผ่านมา วัดดังกล่าวมักมีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง ระหว่างคณะกรรมการวัดกับชาวบ้าน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเรื่องความไม่โปร่งใส ในการบริหารจัดการเงินต่างๆ ของวัด
“ปัญหาเริ่มตั้งแต่ปี 57 ที่เจ้าคณะจังหวัดพิจิตรในขณะนั้น มีคำสั่งปลดอดีตเจ้าอาวาส อ้างว่า มีการนำเงินของวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ชาวบ้าน และคณะกรรมการวัด ที่ผ่านมาตำรวจและหน่วยงานต่างๆ พยายามเข้ามาเป็นคนกลาง ช่วยแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด แต่สุดท้ายปัญหากลับยังคงมีอยู่ และกลายเป็นปัญหายืดเยื้อ ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ยังคงมีเรื่องครุกรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ประกอบกับที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการเงินของวัด และมูลนิธิของวัด เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นพบว่า มีเงินจากมูลนิธิของวัดบางคลาน สูญหายไปเป็นจำนวนมาก หลักหลายสิบล้านบาท ซึ่งในอดีตวัดแห่งนี้เคยมีเงินสะสมสูงถึงหลักร้อยล้านบาท
"นอกจากจะพบว่าเงินของมูลนิธิ ถูกโอนออกไปอย่างไม่ชัดเจนแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบเรื่องร้องเรียนอื่น ๆ ที่ส่อไปในทางทุจริตอีกหลายเรื่อง เช่น การขายวัตถุมงคลแต่เงินไม่เข้าบัญชีของวัด แต่กลับไปเข้าบัญชีชื่อบุคคลอื่นแทน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสาร และหลักฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง"
สำหรับการสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่มีการสอบปากคำใครอย่างเป็นทางการแต่จะมีการเรียกสอบไวยาวัจกร กรรมการวัด และอดีตเจ้าอาวาสที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รักษาการเจ้าอาวาสคนปัจจุบันไม่สามารถติดต่อได้แล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุอีกว่า จุดประสงค์หลักของการเข้ามาตรวจสอบครั้งนี้ ก็เพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน และสร้างความโปร่งใสให้กับการบริหารจัดการเงินและทรัพย์สินของวัด เพื่อให้วัดสามารถเดินหน้าต่อไปได้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังเผยถึงความคืบหน้าคดีวัดพระบาทน้ำพุว่า ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดี ทั้งศิลปินและบุคคลอื่นๆ เข้ามาให้ปากคำเพื่อชี้แจง โดยขณะนี้ได้แบ่งงานให้หลายหน่วยงานเข้าไปร่วมทำงานในลักษณะของ "War Room" เพื่อเร่งรัดคดีให้เร็วขึ้น โดยจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่เข้ามาให้ปากคำแล้ว ส่วนใหญ่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงครบถ้วน ทั้งสัญญาจ้างงาน สเตทเม้นท์ และหลักฐานการโอนเงินคืน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากไม่มีหลักฐานอะไรเลยจะน่ากังวลกว่ามาก ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจะพิจารณาเจตนาและหลักฐานที่นำมาแสดง ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะช่วยตัดประเด็นออกไปได้
ส่วนกลุ่มผู้ที่ยังไม่เข้ามาให้ปากคำนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่ามีจำนวนไม่น้อย ซึ่งเชื่อได้ว่าอาจจะมีปัญหาในการชี้แจง โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ เช่น เรื่องการโอนที่ดินของวัด และทรัพย์สินต่างๆ ที่มีชื่อของบุคคลอื่นถือครองแทน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลและพยานหลักฐานในส่วนนี้พอสมควรแล้ว โดยบุคคลที่ยังไม่แสดงตัวนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีรายชื่อในมืออยู่แล้ว
ในส่วนของนักแสดง "ตลก 3 พยางค์" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ต้องมีการเรียกมาสอบปากคำเช่นกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแล้วหรือยัง ทั้งนี้ จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้ามาชี้แจงทั้งหมดด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูลบัญชีเกือบ 200 บัญชี และการจัดเก็บหลักฐานต่างๆ ที่แยกแยะเรียบร้อย ทำให้การสอบสวนเดินหน้าไปได้เร็วขึ้น และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้ต่อไป