
26 สิงหาคม 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมสอบปากคำ อดีตพระอลงกต ว่า
วันนี้ตำรวจได้บูรณาการกำลังเข้าตรวจค้น 17 จุด ขณะนี้การตรวจค้นยังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ โดยจะขอรวบรวมพยานฟลักฐานทั้งหมดก่อนจะมีการแถลงข่าวว่ามีความเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกับใครอย่างไร เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด
เบื้องต้น พระอลงกตให้ความร่วมมือ ให้ข้อมูลหลายเรื่องที่มีข้อสงสัย ตอนนี้ทิศอลงกตได้สึกแล้ว และยินดีเข้าสู่กระบวนการ โดยยอมลาสิขาโดยไม่มีการบังคับขู่เข็ญ ท่านแยกระหว่างพระธรรมวินัย กับเรื่องกฎหมายบ้านเมือง ในสิ่งที่ท่านทำบางสิ่งก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับพี่พี่น้องประชาชน แต่บางสิ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ท่านก็รับสภาพ และยอมสึก
ก่อนการสึกท่านก็ได้เทศให้กับประชาชนและพระด้วย ซึ่งเหตุผลที่ยอมสึกเพราะได้ไปพูดถึงความดีที่ท่านสร้างมาหลังการทำงานหนักก็เกิดเงินมหาศาล และท่านไปทำผิด ท่านก็สำนึกในสิ่งที่ทำขึ้นมาเลยยอมลาสิกขา
ท่านได้เทศนาธรรม ประมาณ 20 นาที เพราะเหตุผลที่ท่านอยากเทศนา เนื่องจากอยากสอนให้ประชาชนและพระเข้าใจในหลักธรรมเรื่องพระธรรมวินัยและเรื่องทางโลกว่า
ควรไม่ควรอย่างไร โดยเนื้อหาคำเทศนา จะเป็นคำสอนเรื่องกิเลสคนและความประพฤติของพระ
สำหรับพฤติการณ์ของการกระทำความผิด คือ มีก้อนเงินเข้ามามากมาย ซึ่งมีการนำไปใช้จ่ายซื้อที่ดิน ทำสนามฟุตบอล ลงทุนในรูปแบบบริษัทที่มีทั้งกำไร และขาดทุน ทั้งนี้คาดว่าเงินที่ใช้กระทำความผิดมีมูลค่ามากหลักพันล้านบาทขึ้นไป ส่วนจะกี่พันล้านขอเวลาให้ชุดสืบสวนทำงานก่อน
“รายการเงินบริจาค เป็นศรัทธา เมื่อศรัทธามันมากเกิน มันก็เกินเงินที่จะไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ ดังนั้น การยับยั้งชั่งใจในการขอรับบริจาคและนำมาใช้มันไม่ตรงกับความเป็นจริง เลยทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้พระเกิดกิเลส เอาเงินไปใช้ในทางที่ผิด โดยช่วงแรกท่านทำด้วยจิตศรัทธา แต่ในช่วงหลังเงินมันเยอะ เลยผ่านไปทำรูปแบบอื่น ซึ่งทำมา 10 กว่าปีขึ้นไป”
ส่วนใบสุทธิที่ใช้บวชปรากฎชื่อ นายอลงกต พลมุข หรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ขอรอให้หลักฐานก่อน แต่เราพบและเห็นแล้ว ทั้งนี้จะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดทีเดียวและขอให้หลักฐานครบถ้วนละเอียดก่อน และยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ก็มีหนังสือสุทธิเล่มใหม่แล้ว รวมถึงเห็นใบสุทธิดังกล่าวแล้ว
ส่วนไทม์ไลน์ของตัวพระอลงกตที่หายไปประมาณ 5-6 ปี เกี่ยวกับการคัดเลือกเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้น
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เรื่องนี้ท่านให้รายละเอียดแล้ว แต่ขอยังไม่พูด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่เราได้มาแล้ว จึงขอตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง ว่าช่วงเวลาที่ท่านหายไปทำอะไรบ้าง ท่านพูดแล้วแต่ต้องไปตรวจสอบข้อมูลให้ว่าตรงกับข้อเท็จจริงหรือไม่ โดยจะต้องทำการสอบปากคำ และพยานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ทั้งนี้หากมีการปลอมใบสุทธิ ก็เป็นคดีอาญาอยู่แล้ว ส่วนช่วงที่หายไปจะมีการก่อคดีอาญานอกจากเรื่องเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ตั้งธงในการสืบสวนแต่ขอเวลาตรวจสอบก่อน
ส่วนวงเงิน 1,000 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับ 17 จุด เลยหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เราพบว่ามีเงินหลายหมุนเวียน หลัก 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ขอให้ชุดสอบสวนทำงานก่อน ตอนนี้ให้รายละเอียดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่เกิดขึ้นมาร่วม 30 ปีแล้ว ตรวจย้อนหลังไป ถ้าให้ไปเดี๋ยวข้อมูลผิดพลาด และเสียหายกับหน่วยงาน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานแล้วจะเปิดการแถลงข่าวอีกครั้ง
การไปเอาเอกสารจากทางวัดก็พบบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมากหลาย 10 คน ต้องใช้เวลา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองบัญชาการตำรวจตรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยกันดำเนินการประคับประคองเรื่องนี้
โดยในกลุ่ม 10 คนมี สถานะอย่างไรกับหลวงพ่อนั้น ก็คือเกี่ยวพันเกี่ยวกับเรื่องเงิน การถือครองทรัพย์การบริหาร จัดการเรื่องที่ดินต่างๆที่เกี่ยวพัน บริษัท ตอนนี้ภาพที่เราเห็น ยังเป็นกลุ่มของวัดอยู่ ส่วนของหมอบี ยังอยู่ระหว่างการให้การอยู่ แต่ว่ายังให้การเป็นประโยชน์เท่าไหร่
ขณะที่ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) บอกถึง เรื่องเงินพันล้านว่า เกี่ยวข้องกับ หมอบี ว่า การดำเนินการเรื่องบัญชีใจฟ้า เป็นสารตั้งต้น คือมีเงิน 300 ล้านบาทเป็นคดีหลัก หลังจากนี้ เรื่องของการที่จะต้องขยายผล
เรื่องแรก คือ คนที่เกี่ยวข้องว่า บัญชีใจฟ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อบริจาคเป็นเงินของวัดพระบาทน้ำพุ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง และจะขยายผลเกี่ยวกับทรัพย์สิน ว่าทรัพย์สินที่อยู่กับคนใกล้ชิด
ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดหรือทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ก็ จัดการแจ้ง ปปง. เพื่อยึด และดำเนินการตามกฏหมาย ปปง.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีการปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง วันที 8 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีการถอน กว่า 1 ล้านบาทมีการโอนให้กับวัดหรือไม่
พล.ต.ต.วิทยา ระบุว่า ข้อมูลเบื้องต้นมีการปิดบัญชีแล้ว และเปลี่ยนบัญชีเป็นจากบุคคลภายนอกเป็นบัญชีวัดแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าเปลี่ยนอย่างไรนั้น เดี๋ยวขอไปดูรายละเอียดอีกทีนึง
และปัญหาที่ตำรวจต้องดำเนินการคือ เขาโอนใช้เงินสด โดยโอนจากบัญชีเป็นเงินสด เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายของเคสนี้ มีการใช้เงินสดเกือบทั้งหมด
ทำให้ตำรวจต้องทำการบ้าน และใช้เวลาค่อนข้างเยอะ ไม่เหมือนเคสอื่น ที่มีเส้นทางธุรกรรมการเงินไปเชื่อมต่อ
ส่วนยอดเงินที่หลวงพ่อพกติดตัว ขณะถูกจับกุม เบื้องต้นที่รับรายงานประมาณ 1-2 แสนบาท ส่วนจะทำอะไรนั้นยังไม่ทราบ
ส่วนการไปทำธุระตอนตีหนึ่งกว่านั้น
พล.ต.ต.วิทยา บอกว่า เราได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ และมีพฤติการณ์ที่อาจจะหลบหนี จึงต้องดำเนินการจับกุมตามหมายจับ ส่วนที่อ้างว่าไปทำธุระนั้นก็เป็นข้ออ้าง
ด้าน นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ปปท. บอกว่า ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการจนถึงวันนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เบื้องต้นที่พอจะกล่าวได้มีเข้าไปเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์เกี่ยวกับบุคคลรายบุคคล
ยอดจำนวนเงินต้องใช้คำว่า “มหาศาล” ไม่ใช่หลัก 10 ล้านบาทหรือ 100 ล้านบาท แต่เป็นหลักมหาศาล
ซึ่งในชั้นนี้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ และ ปปง. ได้ร่วมกันปฏิบัติดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติก่อน