svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์-รับบริจาคผ่านแอป ด้าน ทนายรณรงค์ เผยอาจจะเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา

25 สิงหาคม 2568 ที่ริมฟุตบาทหน้าตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิต กทม. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง พา น.ส. วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม หรือ หนึ่ง บางปู แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ผู้เสียหาย ซึ่งเคยถวายเงินสดให้วัดพระบาทน้ำพุ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีเกี่ยวกับ หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

 

 

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

 

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

 

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

 

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

 

“หนึ่ง บางปู” แฉ "หลวงพ่ออลงกต" ชวนเป็น "แบรนด์แอมบาสเดอร์" ขายของออนไลน์ เปิดรับบริจาค

 

 

หนึ่ง บางปู เปิดเผยว่า เธอรู้จักกับ หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าวาสวัดพระบาทน้ำพุ มาประมาณ 10 ปี ก็รู้จักผ่านสื่อมวลชน เห็นภาพหลวงพ่ออุ้มเด็กที่ป่วย HIV จึงเกิดความศรัทธา อยากร่วมทำบุญกับทางวัด

 

ต่อมาตนเริ่มทำธุรกิจ และมีเงินจึงอยากทำบุญครั้งแรกด้วยการถวายเงินสดให้กับหลวงพ่อเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท หลังจากนั้นก็ไปทำบุญต่อเนื่อง บริจาคครั้งละหลักแสนถึงหลักล้านบาท มากสุดที่เคยบริจาคเงินสด คือ 2 ล้านบาท

และทุกครั้งบริจาคเงินไม่เคยขอใบอนุโมทนาบัตรเลยสักครั้ง เพราะถือว่าเป็นการทำบุญ แต่บางครั้งวัดก็มอบให้บ้างไม่ให้บ้าง

 

 

 

ไมถูกชะตา "หมอบี" เลยไม่ร่วมงานกัน

 

หนึ่ง บางปู เผยต่อว่า หลังจากที่ตนทำบุญกับหลวงพ่อหลายครั้ง หลวงพ่อก็ได้ชักชวนให้เป็น แบรนด์แอมบราเดอร์ ของวัด หรือบุคคลตัวอย่าง เพราะตนเป็นคนมีชื่อเสียง เธอจึงได้มีการไปจัดกิจกรรมร้องเพลง หรือประชาสัมพันธ์ผ่านทางช่องทางส่วนตัวเพื่อให้แฟนคลับของเธอมาร่วมทำบุญ

 

ซึ่งก็มีแฟนคลับของเธอมาร่วมทำบุญเยอะ ซึ่งคนละส่วนกับ “หมอบี” แต่มีครั้งนึงหลวงพ่อพยายามที่ให้ตนเองไปรู้จักกับ "หมอบี" แต่ตนเองรู้สึกไม่ถูกชะตา จึงขอไม่ร่วมงานด้วย

 

 

เงินมันขึ้นชื่อบัญชีเป็นมูลนิธิโดย “นาย"

 

หนึ่ง บางปู กล่าว นอกจากนี้ยังเคยถามหลวงพ่อว่าค่าใช้จ่ายดูแลผู้ป่วยภายในวัดนั้นมีเท่าไหร่ ซึ่งหลวงพ่อบอกว่าทางวัดมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณ 6 ล้านบาทต้องดูแลผู้ป่วย และเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัดแต่ทางวัดมีรายรับต่อเดือนเพียงแค่ 2 ล้านบาท บางเดือนก็ไม่ถึง ทำให้หลวงพ่อเป็นหนี้ธนาคารทุกธนาคาร หลังจากทำมาสักพักนึง

 

สิ่งที่ทำให้รู้สึกผิด คือเวลาบริจาคเงินมันขึ้นชื่อบัญชีเป็นมูลนิธิโดย “นาย …” ตนจึงรู้สึกไม่ดี แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรคิดว่าหลวงพ่อคงให้ลูกศิษย์ไปกดเงินออกมาให้

 

 

ทำแอปฯขายของ-รับบริจาค

 

หนึ่ง บางปู เผยต่อ ต่อมาเมื่อปี 2564 หลวงพ่อได้จ้างวิศวกร หรือคนเขียนแอพพลิเคชั่นมาทำแอปพลิเคชันในราคา 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นแอปฯ ที่ครบวงจร

 

โดยหลวงพ่อได้โทรเรียกเธอไปประชุมเพื่อให้เธอทำการตลาด แอปนี้จะมีสินค้าของใจฟ้า และนาถะ โดยมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่าย 24 ชั่วโมง มีฟังก์ชั่นที่หลากหลายอีกทั้งยังสามารถบริจาคเงินภายในแอพพลิเคชั่นได้ด้วย

ตอนนั้นแอปพร้อมใช้งานจริงพัฒนาไปแล้ว 99% แต่ตนเองเกิดปัญหาครอบครัวจึงได้แยกออกมาก่อนและไม่รู้ว่าแอปดังกล่าวดำเนินการต่อหรือไม่

ตอนนี้มองว่า ว่าเป็นรูปแบบบริษัทและทำเพื่อการค้าเอากำไร ไม่ได้เกี่ยวกับการทำบุญ เพราะชื่อบริษัทใจฟ้าโซเชียล และ บริษัทนาถะไม่ใช่ชื่อหลวงพ่อ

 

 

ที่ผ่านมาเงียบมาตลอดได้แต่เสียใจ เพราะตัวเองรัก และศรัทธาหลวงพ่อเหมือนพ่อเหมือนแม่ เชิดชูมาก ที่ผ่านมาไม่กล้าพูดอะไรเลยทั้งที่ตัวเองรู้เรื่อง แต่ไม่กล้าเลือกที่จะไม่พูด แต่พอเราดูข่าวเรามั่นใจ จึงเลือกที่จะออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา คิดว่าหลวงพ่อไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่หลวงพ่ออลงกตที่เคยรู้จัก อยากให้คลายเป็นหลวงพ่อตัวจริงออกมา

 

พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาหลวงพ่อให้เธอทำอะไรเธอทำทุกอย่าง เพราะเธอศรัทธาแล้วตอนนั้นเข้าใจว่าทำบุญกับวัดแต่ ตอนนี้รู้สึกว่าเหมือนตนเองทำบาป ยืนยันว่าไม่ได้รับประโยนช์จากวัด พร้อมยกมือไหว้สาบานบอกว่า

 

หนึ่งบางปู เผยอีก ตั้งแต่วินาทีแรกตั้งแต่วินาทีแรกที่ตนเองเข้าไปช่วยเหลือวัดพระบาทน้ำพุ ตนเองเข้าไปช่วยด้วยความเต็มใจ ถ้าตนเองเข้าไปเพื่อแสวงหากำไร ขอให้ตนเองชิป-หาย ถ้าหากไม่มีหลักฐานตนจะดำเนินคดีกับ

ผู้ที่กล่าวหาว่าตนรับผลประโยชน์จากหลวงพ่อและวัดพระบาทน้ำพุ ท้านายเกรียงไกร ให้ออกมาพูดสาบานต่อหน้าฟ้าดินเหมือนตนเอง

นอกจากนี้อยากให้ตรวจสอบเส้นเงินคนใกล้ชิดภายในวัดด้วยรวมถึงอยากให้ตรวจสอบโครงการแชร์ 9 บาทส่งต่อบุญให้วัดพระบาทน้ำพุที่เธอเคยร่วมดำเนินการกับทาง ว่าโครงการนี้ได้เงินบริจาคเท่าไหร่กันแน่เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่าได้เงินจากโครงการนี้ 2 ล้านบาทแต่ตัวเองเชื่อว่ามากกว่านี้อย่างแน่นอน 

 

 

เข้าข่ายผิดแน่ๆ 4 ข้อหา

 

ด้าน ทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบข้อหาที่เข้าข่ายเป็นความผิดเบื้องต้น 4 ข้อหา คือความผิด เกี่ยวกับมาตรา 157 หลังพบพฤติการณ์โอนเงินที่ผิดปกติ

 

ความผิดเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่รัฐกรณีนำข้อมูลที่ไม่ตรงกับบัตรประชาชนไปแจ้งในใบสุทธิขณะอุปสมบท และการนำข้อมูลอาจเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ กรณีนำใบสุทธิที่อาจไม่ใช่ของจริงไปเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคเงินผ่านรูปแบบออนไลน์

หากมีการใช้ใบสุทธิปลอม จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนด้วย พร้อมบอกว่าบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำประวัติของหลวงพ่ออลงกต

และลงโซเชียลมีเดียข้อมูลทั้งหมดล้วนผิดกฎหมายในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งบุคคล เหล่านี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องไปตรวจสอบเช่นเดียวกัน

 

 

ส่วนญาติโยมตั้งใจโอนเงินไปให้กับวัดพระบาทน้ำพุ เพราะตั้งใจให้ทางวัดนำไปใช้เพื่อบำรุงรักษาวัด เจตนาของพี่น้องประชาชนทุกคนต้องการบริจาคให้วัด ไม่ได้ตั้งใจบริจาคให้มูลนิธิ จึงตั้งคำถามว่าถ้าหากมูลนิธิไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ และมีชื่อหลวงพ่อจะมีประชาชนที่ไหนโอนเงินมาให้คาดว่าคงโอนมาไม่ถึง 200 บาท พร้อมบอกว่าประชาชนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม

 

กรณีการแถลงการณ์ของวัดพระบาทน้ำพุเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.68) ที่กรรมการวัดบอกว่า ไวยาวัจกรวัดคนเก่าเป็นคนทำประวัติหลวงพ่อขึ้นมาหลวงพ่อไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องนี้

 

ทนายรณรงค์ บอกว่า อย่าโยนความผิดให้คนตาย ส่วนกรณีเลข 13 หลักประชาชน เรื่องนี้ให้ไปถามหลวงพ่อโดยตรง เพราะเจ้าตัวจะเป็นคนรู้ดีที่สุดว่าเอาเลขบัตรประชาชน 13 หลักของคนตายไปทำอะไรเอาไว้บ้าง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องให้หลวงพ่อออกมาชี้แจงเองเลย

 

ทนายรณรงค์ บอกว่า ตอนนี้หลวงพ่อไม่ต้องออกมาแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาก็เชิญตัวหลวงพ่อมา