
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 24 ส.ค.ที่จะถึงนี้ทาง คณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งนายกและกรรมการสภาทนายความ ได้กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งนายกสภาทนายความเเละกรรมการบริหารสภาทนายความ ชุดใหม่ เเทนชุดเก่าที่จะหมดวาระลงในวันที่ 14 ก.ย.
โดยในวันดังกล่าวทนายความทั่วประเทศที่มีใบอนุญาตเป็นทนายความ จะสามารถเข้าคูหากาคะเเนน เลือกผู้สมัครที่ตนเองชื่นชอบ โดยวิธีลงคะแนนลับ
ถ้าเป็นทนายความในเขตกรุงเทพฯ สถานที่กาบัตร ก็จะเป็นที่สภาทนายฯ ตรงวงเวียนบางเขน
ถนน พหลโยธิน ส่วนในต่างจังหวัดจะต้องไปเลือกตั้งที่ศาลจังหวัดตามภูมิลำเนานั้น ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มเปิดให้ลงคะเเนนเวลา 09.00 .เเละปิดหีบในเวลา 15.00 น.
ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกินเวลา 22.00 น. ก็จะนับคะเเนนเสร็จเเละรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ
ซึ่งในครั้งนี้มีผู้ประกาศชิงชัยอาสาสมัครเป็นนายกสภาทนายความทั้งสิ้น 10 ราย ประกอบด้วย (ตามลำดับหมายเลข)
1.นางสาวเอกศจี ศิริวานิช
2.ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร
3.ดร.วิเชียร ชุบไธสง
4.ดร.ธนพล คงเจี้ยง
5.นายจำลอง สืบตระกูล
6.พ.ต.ท.อิทธิฤทธิ์ เนรมิตยุติธรรม
7.นายหนูเสน พรมวงศ์
8.ดร.นัฏทีธร จักรแก้ว
9.ดร.นเรศ อยู่สนิท
10.นางสาวอมรศรี คงทอง
เเต่ผู้ที่จะเป็นตัวเต็งคว้าชัยเก้าอี้นายกสภาทนายความที่น่าจับตามองมีด้วยกัน 3 ทีม ดังนี้
ทีมเเรกเรียกว่าเป็นเต็ง1 ในการชิงชัยในครั้งนี้ คือทีม ของเเชมป์เก่า ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความคนปัจจุบันผู้สมัครเบอร์3 ซึ่งใน3 ปีที่ผ่านมา ได้ฝากผลงาน เป็นที่ประจักษ์ไว้หลายเรื่อง ไม่จะเป็นเรื่องการจัดการทนายโซเชียลหลอกคน การหารายได้เข้าสภาทนาย จากที่ติดลบอยู่26 ล้านบาท จนปี2568 คาดว่าจะเป็นงบบวกไม่ต่ำกว่า10 ล้านบาท รวมถึงด้านการของงบที่ได้เพิ่มทุกปี หรือเรื่องช่วยเหลือประชาชนที่โดดเด่น จนเป็นที่รู้จัก ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่างๆในกระบวนการยุติธรรม มอบบทบาทในเรื่องสำคัญระดับประเทศหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องงานวิชาการเเละการจัดหาเงินทุนมาเป็นสวัสดิการทนาย รวมถึงตัวนายกสภาทนายความเอง ยังมีภาพลักษณ์ที่มีความอดทนขยัน เเละบุคคลิกที่นอบน้อมเป็นกันเองเข้าถึงง่ายบวกกับมีทีมกรรมการเป็นทั้งทนายรุ่นใหญ่มากประสบการณ์เเละคนรุ่นใหม่ ที่มีฝีมือบริหาร ทำให้มีโอกาสได้รับโอกาสจากพี่น้องทนายต่อยอดบริหารนโยบายสูง
ส่วนอีก2 ทีมคือ ทีมของ ดร.ธนพล คงเจี้ยง หรือ ดร.นพ นายกสมาคมนิติศาสตร์รามคำเเหง ผู้ท้าชิงหน้าใหม่เบอร์4 ขึ้นชื่อในเรื่องไฟเเรง ที่มีนโยบายการหาเสียงวิพากวิจารณ์ดุดัน ซึ่ง ดร.ธนพล มีจุดเด่นในเรื่อง นโยบายที่ดูทันสมัย รวมถึงทีมมีการเตรียมพร้อมเดินสายอบรมวิชาการจัดกิจกรรมต่างๆมาตลอดในช่วงหลายปีก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงยังมีคณะทำงานที่เป็นทนายความมีชื่อเสียงหลายคนที่มีความพร้อม ซึ่งจะมีฐานเสียงเป็นทนายความรุ่นใหม่ที่อยากจะให้เข้ามาทดลองบริหารองค์กร
ทีม ดร.ถวัลย์ รุยาพร อดีตนายกสภาทนายความ 2 สมัย ผู้สมัครเบอร์2 ซึ่งมีฐานเดิมค่อนข้างเข้มเเข็ง ได้ฉายาทนายความติดดิน จากบุคลิกที่เป็นกันเอง ยิ้มเเย้มเข้ากับคนง่าย ทำให้เคยได้รับความนิยมสูง เเละมีฐานเสียงบ้านใหญ่ในหลายจังหวัด รวมถึงนโยบายการหาเสียงที่เคยเกิดขึ้นจริง เเม้ภายนอกจะดูหาเสียงเงียบๆเเต่ก็เป็นลักษณะเสือซุ่ม มีการลงพื้นที่กระชับความสัมพันธ์กับฐานเสียงทนายความอาวุโสในพื้นที่ต่างๆมานาน
เเหล่งข่าวที่อยู่ในวงการทนายความหลายท่านวิเคราะห์ค่อนข้างไปเเนวทางเดียวกัน ว่านโยบายของทั้ง 3 ทีมนั้นดีหมด เน้นจุดอ่อนเเข็งตามสไตล์บุคลิกเเต่ละคน
เเต่ยังมองว่าปัจจัยในการชี้ผลเเพ้ชนะ ต้องย้อนไปการเลือกตั้งนายกสภาทนายความครั้งที่เเล้ว เมื่อปี 2565 ทีม ดร.ถวัลย์ ขณะนั้นเป็นเเชมป์เก่า 2 สมัยติด ทำให้ตามระเบียบไม่สามารถให้ลงสมัครต่อเนื่องได้
ขณะนั้นคณะ ดร.ถวัลย์ก็ได้มีการ สนับสนุน ผู้สมัครรายหนึ่งลงเเข่งกับ ดร.วิเชียร ซึ่งทั้งคู่ต่างลงสมัครนายกสภาทนายความสมัยเเรก
โดยในทีม ผู้สมัครที่ ดร.ถวัลย์สนับสนุน ก็มี ดร.ธนพล อยู่ในทีม เเละเดินสายหาเสียงด้วยกัน เเต่สุดท้ายทนายความที่มาลงคะเเนนทั้งประเทศในครั้งนั้นก็ลงคะเเนนเลือกนายกสภาทนายความเป็นทีม ดร.วิเชียรเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนขั้วบริหาร เนื่องจากชนะผู้สมัครที่ ดร.ถวัลย์ เเละดร.ธนพลสนับสนุนอยู่
โดยภายหลังการเลือกตั้งเสร็จ ดร.ธนพล ที่รับไม้ลงสมัครต่อจากผู้สมัครคนดังกล่าวก็มีการทำการบ้านมาดีเดินสายตั้งเเต่ช่วงเเรกๆ โดยมี ดร.ถวัลย์ เป็นคนช่วยพาเดินกรุยทางหาฐานเสียงให้มาตลอด
เเต่ก่อนที่จะมีการประกาศเลือกตั้งนายกสภาทนายความ ในช่วงสุดท้าย ดร.ถวัลย์กลับตัดสินใจตั้งทีมลงมาสมัครเอง เรื่องนี้ส่งผลทำให้ฐานเสียงของ ดร.ธนพล เเละ ดร.ถวัลย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงเดียวกันจากการเดินสายของทั้งคู่ในช่วงเเรก เเตกออกเป็นสอง ซึ่งการที่หากเสียงทั้งสองตัดกันเอง ส่งผลให้เสียงของดร.วิเชียร ซึ่งเดิมเองก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์อยู่เเล้วโดดขึ้นมาอีก ทำให้ ท้ายสุดเเล้วใน3 ทีมนี้ ทีมของ ดร.วิเชียร จะยังมีโอกาสได้รับชัยชนะมีโอกาสไปต่อยอดผลงานอีกสมัยมากที่สุด
เเต่ในการเลือกตั้งซึ่งเป็นวิถีประชาธิปไตยอะไรก็เกิดขึ้นได้ 24 ส.ค.นี้ก็ขอให้ทนายความมาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้นำที่จะพัฒนาองค์กรช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมายต่อไป