
จากกรณีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน บุกเข้าไปลักทรัพย์ภายในกุฏิพระราชวัชรพัฒนาทร (ณรงค์ ปสนฺโน) เจ้าอาวาสวัดม่วง และเป็นเจ้าคณะเขตหนองแขม ได้เงินสด 10 ล้านบาท และทองคำแท่งหนัก 250 บาท รวมมูลค่ากว่า 22 ล้านบาท หลังทราบเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ สน.เพชรเกษม เข้าสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีได้ข้อมูลว่า เงินทั้งหมดไม่ได้เป็นเงินของวัด แต่เป็นเงินเก็บส่วนตัวที่พระราชวัชรพัฒนาทรสะสมหลายสิบปีตั้งแต่บวชเรียน บางส่วนเอาไปลงทุนซื้อทองมาเก็บไว้ และเพิ่งไปเบิกเงินสดมาเตรียมไว้ลงทุนทองคำเพิ่มอีก ก่อนที่เมื่อวานนี้จะมีกระแสข่าวว่าเจอทองบางส่วนแล้ว
22 กรกฎาคม 2568 ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่วัดม่วง ก่อนจะได้พูดคุยกับพระนิทัศน์ โดยพระนิทัศน์ เปิดเผยว่า เจ้าอาวาสเอาไปขายที่ร้านทองบางส่วน ซึ่งตำรวจแจ้งมาว่าทางเจ้าอาวาสพอจะนึกออกว่าทองอยู่ไหนบ้าง แต่รายละเอียดมีไม่มาก
ซึ่งสรุปได้คือทองไม่ได้หาย แต่แกล้งทำเป็นหลงๆลืมๆ ซึ่งทองเพิ่งจะขายไปจะลืมได้อย่างไร คิดว่าตำรวจคงมาสอบสวนต่อและรู้ว่าทองอยู่ไหน หากไม่อยู่บนกุฏิคิดว่าคงขายไปหมดแล้ว ส่วนเงินก็คงเอาไปใช้แล้วส่วนเอาไปใช้อะไรต้องไปถามที่เจ้าตัว
ซึ่งนี่คือความจริงที่หลวงพี่แค่หลับตาได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าโกหก ส่วนคนที่เคยดูถูกดูแคลนก็คงต้องถามว่าทำไมถึงเชื่อเจ้าอาวาส แต่ไม่เชื่อเรา เพราะเราไม่มียศตำแหน่งอำนาจบารมีถึงไม่เชื่อ แต่หลวงพี่พูดเสียงดังฟังชัดไม่อย่างนั้นนักข่าวคงไม่ตาม
ซึ่งเมื่อรู้ว่าทองไม่ได้หายก็ต้องโดนข้อหาแจ้งความเท็จหากตำรวจไม่ดำเนินการหลวงพี่จะเข้าไปแจ้งความเองที่ สน.เพชรเกษม จะอ้างว่าลืมไม่ได้ ยืนยันว่าความจำของเจ้าอาวาสยังดีอยู่เรื่องที่เคยเป็นประเด็นกันมา 20 ปีก็ยังจำได้
ส่วนทองเชื่อว่าเป็นทองของวัดไม่มีทางที่จะเป็นทองของคนอื่น ของทุกอย่างเป็นของวัดหมด ส่วนทองบางส่วนและเงินก็คงต้องค่อยๆหากันไป เพราะตัวเจ้าอาวาสมีสิทธิ์ที่จะโกหกไปเรื่อยๆ ซึ่งมีข่าวลือว่าทองขายไปแล้วถึง 300 บาท ยืนยันว่าไม่มีการขโมยอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมาตัวเจ้าอาวาสทำตัวเหมือนคนรวยคิดว่าอะไรก็ทำง่ายไปหมด แต่กลับไม่คิดว่าจะมีพระอย่างหลวงพี่ หากหลวงพี่ไม่ออกมาพูดเรื่องนี้ก็คงจบ
ซึ่งตัวเจ้าอาวาสเองเรื่องทองหายเป็นเพียงแค่การลงบันทึกประจำวัน ไม่ใช่การแจ้งความ เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานให้ญาติโยมดูเวลามาถามว่าเงินที่ทำบุญหายไปไหน
และด้วยความเป็นพระผู้ใหญ่หากบอกว่าเงินและทองหายญาติโยมอาจจะนำเงินมาถวายเพิ่มอีกก็ได้
ส่วนเรื่องคดีความก็ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหากไม่ให้ประกันตัวก็ต้องสึก แต่ส่วนตัวไม่อยากให้ประกันเพราะถ้าอยากให้วัดเจริญก็ต้องเปลี่ยน
ด้าน พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ พิจารณา แจ้งข้อหาแจ้งความเท็จกับเจ้าวาส วัดม่วง เพราะต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานและยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง
ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลเรื่องทองคำที่หายแล้วว่าบางส่วนได้มีการขายไปแต่จากการสืบสวนพบว่าเจ้าอาวาสอ้างว่ามีการ ซื้อมาขายไปจึงจำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด เนื่องจากเจ้าวาสมีอายุถึง 76 ปี จึงต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าตำรวจทำงานทุกด้านอย่างเต็มที่ถ้าพบมีข้อมูลว่าเป็นการแจ้งความเท็จก็อาจจะพิจารณาดำเนินคดีได้
ส่วนเรื่องทรัพย์สินบางส่วนที่อ้างว่าเจอแล้วตอนนี้ชุดสืบสวนได้เก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือใบซื้อขายต่างๆ ซึ่งก็ต้องดูว่าทุกอย่างมีข้อมูลตรงกันหรือไม่ ซึ่งทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือเงินสดที่เจ้าอาวาสอ้างว่าหายไป ยอมรับว่าบางส่วนรู้ที่มาที่ไปแล้วส่วนที่เหลือยังไม่พบจึงต้องสืบสวนต่อไปว่า มีการขโมยไปหรือไม่ได้หายจริงหรือไม่