
25 มิถุนายน 2568 ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพังงา ตั้งด่านตรวจยานพาหนะ และสามารถควบคุมตัว นายมูหามะ อายุ 29 ปี ชาวจ.ปัตตานี และ นายสุไลมาน อายุ 27 ปี ชาว จ.ปัตตานี
ขณะขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ พร้อมวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง มีลักษณะเป็นนาฬิกาจับเวลาเชื่อมต่อสายไฟฟ้ากับแผงวงจร อัดแน่นอยู่ในถุงพลาสติกใส ซุกซ่อนในสัมภาระส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยมีการต่อพ่วงกับดินระเบิดยังไม่ทราบน้ำหนัก
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทั้งคู่ขับรถมาจากพื้นที่ัจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีปลายทางที่ จ.ภูเก็ต แต่ถูกจับกุมที่ จ.พังงา คาดว่ามีเป้าหมายเดินทางไปก่อวินาศกรรมที่ภูเก็ต แต่ทั้งคู่อ้างว่าพวกตนแค่รับจ้างขับรถ ไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่อยู่ในรถ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้นั้น
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่อีโอดี หรือ ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าอุปกรณ์ที่พบ และเชื่อว่าสามารถนำไปประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องได้นั้น มีหลายชิ้นเหมือนกับที่พบเป็นชิ้นส่วนระเบิดที่ใช้ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บางชิ้นก็แตกต่าง ไม่เหมือนกัน ได้แก่
- วงจรนาฬิกา ไม่เหมือนที่ใช้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- เชื้อปะทุ แบตเตอรี่ และขั้วต่อ หรือคอนเนคเตอร์ xt 60 รวมทั้งสวิตช์เปิดปิด เหมือนกับที่ใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- สารระเบิด อยู่ระหว่างตรวจสอบ
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งประสานงานกับตำรวจชุดจับกุมและทีมพิสูจน์หลักฐาน ให้ข้อมูลว่า โดยรวมแล้ว องค์ประกอบของอุปกรณ์ต่างๆ ที่พบ
เหมือนกับที่ใช้ก่อเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเคสที่เกิดเหตุในพื้นที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้จากสำนักงานเทศบาลตำบลต้นไทร เมื่อวันที่ 28 ก.พ.68 ที่ผ่านมา คนร้ายใช้เชื่อปะทุไฟฟ้าแสวงเครื่องที่มีลักษณะเหมือนกับที่พบล่าสุดที่ จ.พังงา
นอกจากนั้น เมื่อมีการเปรียบเทียบชิ้นส่วนของวงจรจุดระเบิด ปรากฏว่าเหมือนกันกับที่เกิดใช้ในพื้นที่ชายแดนใต้ เช่นเดียวกับคอนเนคเตอร์ xt 60 และปุ่มสวิตช์เปิดปิดก็ตรงกัน
ส่วนหลอดดินขยายการระเบิด คล้ายกันกับกรณีที่เกิดเหตุลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2555 และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้ บริเวณ หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่า อีก 7 วันนับจากนี้จะมีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายกลับมาควบคุมที่ จ.ยะลา (คาดว่าเป็นศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อ.เมืองยะลา) โดยเบื้องต้น ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมาย ฉฉ. โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมตัวและเชิญตัว นายมูหามะ กับ นายสุไลมาน เข้าสู่กระบวนการซักถามต่อไป
มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย ไม่มีหมายจับคดีความมั่นคง คาดว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบ “กลุ่มหน้าขาว” ที่ยังไม่มีประวัติอาชญากรรม หรืออาจจะรับจ้างขับรถจริงๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อคัตเอาต์ไม่ให้เจ้าหน้าที่สาวถึงคนอื่นๆ ในขบวนการ หากสองคนนี้ถูกจับกุมได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า การสกัดจับรถที่เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องก่อนเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ตนั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของปี 68 แล้ว คาดว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องการขยายพื้นที่ปฏิบัติการ โดยหวังผลทางจิตวิทยาในวงกว้าง เนื่องจากเลือกพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศและของโลกอย่างภูเก็ต