"เสี่ยร้านเชียงกง" เสียท่า "จิ้งจอกสาว" เจอกัน 2 ครั้ง รูดทรัพย์เกลี้ยง 5 แสน

9 พฤษภาคม 2567 เมื่อเวลา 13.00 น. นายนนทพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หรือ เสี่ยเต่าบิน เจ้าของร้านเชียงกงชื่อดังย่านลาดกระบัง  เข้าพบนายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด  เพื่อร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ กรณีตนเองถูกสาว วัย 26 ปี รูดทรัพย์ไปกว่า 560,000 บาท

นายนนทพันธ์ เล่าว่า ตนเองเป็นหนุ่มโสด มีงานการมั่นคง ตั้งใจอยากมีรักแท้ แต่ด้วยอาชีพการทำงานที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาตลอด ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปจีบสาวที่ไหน จึงเข้าไปหาเนื้อคู่ในเฟซบุ๊ก ตามกลุ่มหาคู่ต่างๆ  โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ตนเข้าไปโพสต์ในกลุ่มหาคนรับเลี้ยง โดยลงรูปตัวเอง พร้อมแคปชั่น "หาสาวบุคลิกดี ใจเย็น ผิวพรรณดีมาคอยปฏิบัติดูแล หน้าที่การงานผมมั่นคงครับดูที่หน้าเฟสได้ อยากดูแลกันไปยาวๆ"

จากนั้นได้มี น.ส.อคิราภ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ทักมาพูดคุย โดยอ้างว่าตนเองอยู่ จ.บุรีรัมย์ เป็นคนโสดเหมือนกัน อยากมีแฟน อยากมาช่วยปรนนิบัติดูแลไปจนแก่เฒ่าด้วยกัน  เมื่อตนได้ยินแบบนั้นจึงได้นัดมาเจอกัน โดยโอนค่าเดินทางไปให้ น.ส.อคิราภ์ และนัดเจอกันที่ขนส่งหมอชิต เมื่อวันที่ 21 เมษายน แล้วพากันไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พักผ่อนที่รีสอร์ทหรูริมแม่น้ำแคว กันอย่างมีความสุข

พอวันรุ่งขึ้นจึงเดินทางกลับ และมาส่ง น.ส.อคิราภ์ ขึ้นรถที่กรุงเทพฯ เนื่องจากสาวรายนี้อ้างว่าต้องกลับไปทำงาน ต่อมาวันที่ 3 พฤษภาคม น.ส.อคิราภ์  ได้ติดมาหาตนบอกว่าคิดถึงมาก อยากมาหา ตนจึงโอนค่ารถไปให้ทันที โดย น.ส.อคิราภ์ เดินทางมาพบตนวันที่ 4 พฤษภาคม

เดิมทีตั้งใจจะพากันไปเที่ยวทะเล แต่ห้องพักเต็ม จึงพา น.ส.อคิราภ์ ไปเปิดพูลวิลล่าสุดหรู เพื่อพักผ่อน ไปถึงที่พักประมาณ 18.00 น. ตนได้นั่งทำธุรกรรมทางการเงิน ผ่านแอปธนาคาร โดยโอนเงินให้ลูกน้อง หลังเสร็จธุระ จึงขอนอนพักผ่อนเนื่องจากทำงานมาทั้งวัน กระทั่งตื่นมาเวลา 19.40 น. พบว่า น.ส.อคิราภ์ หายตัวไป แต่ตรวจสอบดูทรัพย์สินแล้วยังอยู่ครบ

ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม ตนจะโอนเงินให้ลูกน้อง จึงเข้าไปแอปธนาคาร ก็ต้องตกใจ เมื่อเงินในบัญชีหายไปเกือบ 400,000 บาท จึงเช็กอย่างละเอียด พบว่าเงินที่หายไปถูกโอนไปปิดหนี้บัตรเครดิตกสิกรไทย ของตนจำนวน 368,835.05 บาท ตนจึงรีบติดต่อไปที่ธนาคารกสิกรไทย เพื่อสอบถามว่าเหตุใดเงินในบัญชีของตนจึงโอนไปปิดยอดบัตรเครดิตเองได้

และก็ต้องช็อกซ้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ตอนนี้วงเงินในบัตรเครดิตของตนเกลี้ยงไม่เหลือเลย โดยมีการใช้ รหัสหน้า - หลังบัตร ไปชำระเงินแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดที่ร้าน Wise London ประเทศอังกฤษ  ครั้งแรกมีการใช้บัตรเมื่อวันที่ 21 เมษายน ยอดเงินที่ใช้ 193,027 บาท ซึ่งตรงกับวันที่ตนเอง พา น.ส.อคิราภ์ ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่รีสอร์ทสุดหรู  ใน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

ครั้งที่ 2 มีการใช้บัตร จำนวน 368,833 บาท วันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันที่ตนเองพา น.ส.อคิราภ์  ไปพักผ่อนที่พลูวิลล่าสุดหรู  รวม 2 ยอด เป็นเงินกว่า 561,860 บาท ทั้ง 2 วัน บัตรถูกใช้ที่ร้าน Wise London เป็นการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศทั้งหมด  ตนจึงเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อคิราภ์ ที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ

ภายหลังเข้าแจ้งความพบว่า น.ส.อคิราภ์ เคยมีประวัติต้องคดีอาญาติดคุกคดีช่อโกงมาแล้วถึง 2 ครั้ง  ทำให้ตนรู้ทันทีว่าตกเป็นเหยื่อของจิ้งจอกสาวเข้าให้แล้ว  ตนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตนเอง ตนเป็นคนรักใครรักจริง ตั้งใจจะคบหากับ น.ส.อคิราภ์ เพื่อจะฝากผีฝากไข้ ร่วมกันสร้างครอบครัว ทรัพย์สมบัติที่มีก็จะยกให้ไว้บริหาร แต่พอมาเจอแบบนี้ถึงกับช็อกบอกไม่ถูก

นอกจากนี้ตนขอตำหนิไปยังธนาคาร ว่าเหตุใดจึงไม่มีการแจ้งเตือนมาที่ตนเองในกรณีที่มีการทำรายการผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศที่มีวงเงินเยอะขนาดนี้ ธนาคารควรมีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามก่อน ว่าตนได้ใช้วงเงินนี้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพมาก่อเหตุขโมยเลขหน้าบัตร - หลังบัตร ไปกระทำการโจรกรรมได้

ตนได้นำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษาเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจ ทุกคนต่างแนะนำบอกว่าให้มาร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ  เหลืองประเสริฐ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เพจสายไหมต้องรอด เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนคนไทย จะได้ไม่ต้องถูกจิงจอกสาวรายนี้หลอกอีก