คม-ชัด-ลึก เศรษฐีนี ถูกลูกเลี้ยงลวงปิดบัญชีกว่า 20 ลบ. จริงหรือไม่?

 กรณีเศรษฐินีที่ดินย่านฝั่งธนบุรี วัย 82 ปี ถูก 3 ลูกเลี้ยงสมคบกับพี่เลี้ยงบังคับให้กินยากล่อมประสาทเกินขนาดจนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลธนบุรี เพื่อไม่ให้ครองสติได้ แล้วบังคับให้ไปธนาคารปิดบัญชีเงินฝากทั้งหมดกว่า 20 ล้านบาท นำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของลูกเลี้ยง ขณะที่ลูกเลี้ยงยืนยันว่า ดูแลคุณยายเป็นอย่างดี

สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากพยาบาลที่ดูแลคุณยาย ทางไลน์และเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากเห็นว่า ลูกเลี้ยงของคุณยายมีความผิดปกติ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ถ้าคุณยายอยู่ต่อหน้าลูกหรือพี่่เลี้ยงจะไม่ค่อยพูดจา แต่เมื่ออยู่กับพยาบาลจะพูดคุย เล่าเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความคับแค้นที่อยู่ในใจ ขณะที่ลูกเลี้ยงกับพี่เลี้ยงพูดเปรยๆ ว่า จะพาคุณยายออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด โดยมีข้ออ้างต่างๆ

พยาบาลคนดังกล่าว ดูแลคุณยายมาตั้งแต่ปี 2520 โดยดูแลทั้งที่บ้านและที่โรงพยาบาล เนื่องจากคุณยายมีโรคประจำตัว ได้เล่าให้ฟังว่า คุณยายบอกกับพยาบาลในช่วงที่ลูกเลี้ยงและพี่เลี้ยงไม่อยู่บ้านว่า มีการให้กินยาเกินลิมิต ซึ่งก็สังเกตว่า เวลาที่มารักษาอาการของคุณยาย จะมีอาการหนักขึ้น ตับแข็ง การหายใจผิดปกติ ขณะที่แพทย์ก็ตรวจพบว่า กินยาเกินลิมิต บางครั้งให้กินยาแล้วบ้วนยาทิ้ง

สำหรับการค้นหาความจริงในเรื่องนี้ จะไม่ยุ่งเกี่ยวในทางคดี แต่จะทำหน้าที่ประสานหน่วยงานของรัฐให้เข้ามาดูแลแทนครั้งแรก บอกไปว่า ให้หาทางรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ภายในวันที่ 30 กันยายน แต่เมื่อเห็นพฤติการณ์ว่าจะพาคุณยายออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด และมีการพาชายวัยรุ่นลักษณะท่าทางที่ดูแล้วผิดวิสัยทั่วไปมาเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง ต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 27 กันยายน พวกเขาก็พาคุณยายกลับบ้านอย่างกะทันหัน ทั้งๆ ที่อาการของคุณยายนั้นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นในวันเดียวกัน จึงรีบติดต่อไปยัง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมกับขอพบโดยด่วน และได้เข้าพบในวันรุ่งขึ้น จึงได้เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟังว่า พยาบาลเล่าให้ฟังว่า คุณยายบอกว่าอยากจะเอาเงินคืนส่วนหนึ่ง ที่ลูกเลี้ยงไปปิดบัญชีกว่า 20 ล้านบาท หากคืนให้ก็ยกให้ 10 ล้านบาท ที่เหลือจะเก็บไว้รักษาตัว

นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์สำคัญก็คือ หลังจากพยาบาลได้ร่างข้อความตามที่คุณยายบอกแล้วให้คุณยายเซ็นชื่อ ต่อมารถของพยาบาลคนดังกล่าวก็ถูกคนร้ายทุบเสียหาย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คุณยายรักลูกเลี้ยงมาก ส่วนคำให้การ คำบอกเล่าของลูกเลี้ยง และพยาบาลคนดังกล่าว ต้องรอผลการพิสูจน์อย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของรัฐที่ได้ประสานงานไป

จากการสอบถามทราบว่า วันเกิดเหตุเมื่อปี 2558 ขณะที่คุณยายนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกเลี้ยงกับพี่เลี้ยงบอกว่า จะพาคุณยายไปโรงเจ โดยมีพยาบาลคนดังกล่าวเดินทางไปด้วย แต่ลูกเลี้ยงกับพี่เลี้ยงกลับพาไปธนาคารแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึง ลูกเลี้ยงก็บอกว่า เมื่อมาแล้วยังไงแม่ก็ต้องดำเนินการปิดบัญชี ซึ่งบัญชีนั้นเป็นบัญชีเงินฝากประจำ ตรงนี้ถือว่าผิดปกติ เพราะต้องฝากให้ครบตามกำหนด อีกทั้งให้คุณยายปั๊มลายนิ้วมือแทนที่จะให้เซ็นชื่อ และลูกเลี้ยงเซ็นชื่อกำกับยืนยันว่า เป็นลายนิ้วมือของคุณยาย เงินที่ปิดไปนั้นกว่า 20 ล้านบาท จากนั้นลูกเลี้ยงก็นำไปเข้าบัญชีของตัวเองที่ จ.สมุทรสาคร ที่สำคัญตัวพี่เลี้ยงได้เล่าให้พยาบาลฟังว่า ได้รับส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้

ปมต่างๆ จะคลี่คลายได้ ต้องปล่อยให้คุณยายอยู่แบบอิสระ ไม่มีลูกเลี้ยงและพี่เลี้ยงมายืนคุม เพื่อให้คุณยายได้เล่าระบายความในใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วความจริงจะปรากฏ