svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

PRIME TIME กับเทพชัย "คิม จอง อึน" พร้อมทำสงคราม? | ตอนที่1/3 | 22-4-60

22 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

15 เมษายน 2560 จตุรัสคิม อิลซุง ใจกลางกรุงเปียงยาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือที่นิยมเรียกกันว่าเกาหลีเหนือ มีการสวนสนามครั้งใหญ่อีกครั้ง เพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 105 ให้กับบุคคลที่ชื่อของเขา ถูกนำมาเป็นชื่อของจัตุรัสนั่นก็คือคิม อิลซุง ประธานาธิบดีตลอดกาลของประเทศ แม้ว่าเจ้าตัวจะจากโลกนี้ไปตั้งแต่ปี 2537 หรือเมื่อกว่า 20 ปีก่อนแล้วก็ตาม ชาวเกาหลีเหนือเรียกวันเกิดของบิดาของประเทศ และผู้นำสูงสุดคนแรกว่าวันพระอาทิตย์

พิธีสวนสนามแบบนี้ มีการจัดขึ้นทุกปี ภาพการสวนสนามของทหารนับพันนับหมื่นที่เข้มแข็งและพร้อมเพียง พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ขนมาโชว์กันอย่างเต็มที่ เป็นภาพที่ชินตาใครหลายคนมานานหลายปีแล้ว
แต่สำหรับ พ.ศ.นี้ จากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่สุดแสนจะร้อนแรงเข้าใกล้จุดเดือด เมื่อประธานาธิบดีมือใหม่ของสหรัฐอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะบริหารของเขา แสดงท่าทางแทบใกล้เคียงกับคำว่าประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือ แทบจะทุกฝีก้าวของทหารเกาหลีเหนือที่ตบเท้าลงบนพื้นของจัตรัสคิม อิลซุง แทบจะทุกกระ เบียดนิ้วที่ขีปนาวุธเดินทางผ่านหน้านายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นหลานแท้ ๆ ของคิม อิล ซุง ได้รับการจับตามอง เพื่อที่จะค้นหาว่าในใจของผู้นำหนุ่ม รุ่น 3 วัยแค่ 33 คิดอะไรอยู่ เมื่อไฟสงครามมาจ่ออยู่ที่หน้าบ้าน
ผลสรุปจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย หลังพิธีสวนสนามจบสิ้นลง แทบจะตรงกันก็คือเกาหลีเหนือไม่ยี่หระต่อการข่มขู่ของบรรดาแกนนำสหรัฐ รวมถึงข่าวเรื่องการที่สหรัฐสั่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน คาร์ล วินสัน เบนหางเสือจากออสเตรเลีย มุ่งหน้าสู่เขตนอกชายฝั่งคาบสมุทรเกาหลี และที่เป็นการหยามหน้าโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างยิ่ง ก็คือหลังพิธีสวนสนาม เปียงยางได้ทำการซ้อมยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ โดยไม่หวั่นไหวถึงสถานการณ์ที่ไม่มีใครรู้ว่าการโจมตี หรือว่าสงครามจะระเบิดขึ้นมาเมื่อไหร่ แม้ว่าการซ้อมยิงครั้งนั้น จะล้มเหลว และสร้างความเสียหน้าให้กับเกาหลีเหนือไม่น้อยก็ตาม เมื่อขีปนาวุธเกิดระเบิดแทบจะในทันทีที่ถูกยิงออกมา
ในส่วนของการสวนสนามเองนั้น ผู้เชี่ยวชาญซึ่งหลายคนเคยขำแทบตกเก้าอี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็เริ่มนั่งเงียบมาหลายปีแล้ว และคราวนี้ ก็ต้องบอกว่าเงียบสนิทกันเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นไม้เด็ดที่เกาหลีเหนือขนออกมาโชว์นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันรายหนึ่งบอกว่า ในปี 2555 เมื่อเกาหลีเหนือเปิดตัวแผนการรบกับสหรัฐโดยการใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีเมืองใหญ่ของสหรัฐ พวกเขาได้แต่พากันขำ แต่หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่ปี ตอนนี้ไม่มีใครหัวเราะเยาะเกาหลีเหนืออีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่า เปียงยางเข้าใกล้แผนที่วางเอาไว้ในปี 2555
แผนที่ว่านั้น วางอยู่บนระบบขีปนาวุธข้ามทวีป 4 แบบ และทั้ง 4 แบบนั้น เกาหลีเหนือก็ขนออกมาโชว์ในการสวนสนามเมื่อวันเสาร์ โดย 2 แบบในจำนวนนั้น เป็นอาวุธแบบใหม่ล่าสุด และน่าจะมีอานุภาพร้ายกาจมากกว่าของที่มีอยู่เดิม
1 ใน 4 ของขีปนาวุธก็คือ KN-15 Pukguksong-2 ว่ากันว่า มันก็คือขีปนาวุธวิถีโค้งพิสัยกลางรุ่นที่เกาหลีเหนือยิงในวันสวนสนามนั่นเอง แต่ก่อนหน้านี้คือวันที่ 12 มกรา คม หรือ 3 สัปดาห์หลังทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐ ประเทศเคยประสบความสำเร็จในการทดลองยิงมันมาก่อนแล้ว เปียงยางคุยว่า ขีปนาวุธรุ่นนี้ มีพิสัยการยิงระหว่าง 3,000- 5,000 กิโลเมตร แต่ฝ่ายตะวันตกเชื่อว่าน่าจะประมาณ 2,500 กิโลเมตรเท่านั้น โดยตอนนี้ มันเป็นตัวหลักสำหรับขีปนาวุธพิสัยกลางที่เกาหลีเหนือน่าจะนำออกมาใช้ในวงกว้าง โดยคู่แข่งของมันก็คือขีปนาวุธ Musudan แต่การทดลองยิง Musudan ยังไม่ประสบความสำเร็จ จุดเด่นของ Pukguksong-2 ที่มีเหนือ Musudan ก็คือการที่มันใช้เชื้อเพลิงแข็ง ทำให้มันต้องมีเชื้อเพลิงอยู่ภายในขีปนาวุธอยู่แล้ว จึงสามารถนำออกมาใช้ได้โดยเร็ว ต่างกับเชื้อเพลิงเหลว ที่เมื่อจะนำขีปนาวุธออกมาใช้ ยังจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเติมเชื้อเพลิง ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามมีรายงานข่าว กรอง ก็อาจจะเปิดฉากโจมตีก่อนได้ง่ายกว่า
นอกจากนั้น การที่ระบบขนส่ง Pukguksong-2 ใช้ยานลำเลียงสายพาน ต่างกับระ บบล้อของ Musudan ยังทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ไปในพื้นที่ทุรกันดาร หรือตามถนนหนทางที่เป็นดินลูกรัง หรือตามเส้นทางเชิงเขาหรือช่องเขาได้ ทำให้เป็นการยากสำหรับข้าศึกในการค้นหาร่องรอยของมัน ส่วนรถบรรทุกลำเลียงแบบล้อนั้น โดยหลักแล้วไปได้แต่เฉพาะบนถนนธรรมดาเท่านั้น ในการทดลองยิง มันขึ้นไปได้สูงถึง 550 กิโลเมตร เกาหลีเหนือตั้งยิงมันในมุม 90 องศาเพื่อจงใจให้มันยิงได้ระยะที่น้อยลง คือประมาณ 500 กิโลเมตร
แม้มันจะยิงไม่ถึงสหรัฐ แต่ก็สามารถใช้จัดการกับเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งการจัดการกับพันธมิตรสหรัฐ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการทำสงครามของเกาหลีเหนือ ขีปนาวุธรุ่นนี้ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ขีปนาวุธรุ่นนี้ เคยถูกนำออกมาโชว์ตัวแล้วในการสวนสนามครั้งก่อน ๆ แต่ที่มาใหม่ในคราวนี้ก็คือการที่มันมาในท่อ ซึ่งก็หมายความว่า มันสามารถทนแดดทนฝน ทนทุกสภาวะได้ดีขึ้น จึงสามารถนำออกมาเตรียมใช้งานภายนอกได้นานขึ้น และการที่มันได้รับการทดสอบแล้ว ทำให้มันใกล้กับการถูกนำเอาออกมาใช้มากกว่า
อีกรุ่นที่ได้รับความสนใจก็คือ KN-11 Pukguksong-1 ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือ KN-15 Pukguksong-2 รุ่นสำหรับยิงจากเรือดำน้ำนั่นเอง โดยมันสามารถยิงได้ขณะที่เรืออยู่ใต้น้ำ ขีปนาวุธรุ่นนี้ใช้เชื้อเพลิงเหลว การที่เกาหลีเหนือมีเรือดำน้ำติดขีปนาวุธลำเดียว และการที่พิสัยการยิงของขีปนาวุธก็ไม่มากคือราว 1 พันกิโลเมตร ขณะที่บางแหล่งข่าวบอกว่า 2,500 กิโลเมตร แต่เรือดำน้ำเกาหลีเหนือก็สามารถแอบเข้าไปยิงใกล้เป้าหมายได้ ทำให้การตอบโต้ทำได้ยาก มันจึงน่าจะเป็นอันตรายต่อเพื่อนบ้าน อย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มากกว่า หรือถ้าเกาหลีเหนือใจถึง ส่งเรือลำนี้แอบดอดไปที่หน้าบ้านสหรัฐ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขีปนาวุธรุ่นนี้สามารถติดหัวรบขนาด 650 กิโลกรัมได้ มันถูกทดสอบมาตั้งแต่ปี 2558
ส่วนขีปนาวุธอีก 2 รุ่นที่เกาหลีเหนือนำออกมาโชว์ในการสวนสนามครั้งนี้ ยังไม่มีชื่อและรายละเอียด เพราะว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งนำออกมาเปิดตัวงานนี้เป็นครั้งแรก โดยแบบแรก เมื่อดูจากท่อของมัน สรุปว่าอาวุธใหม่นี้ยาวกว่าขีปนาวุธใด ๆ ของเกาหลีเหนือที่ถูกออกแบบมาให้ยิงถึงชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ จึงคาดว่ามันน่าจะเดินทางได้ไกลกว่า และโจมตีได้หนักหน่วงกว่า และแม้บางคนอาจจะมองว่า ภายในท่อที่นำมาโชว์ อาจจะกลวง อาจจะเป็นการตบตาโลก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่า มันก็ส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง เหมือนอย่างกรณีการเปิดตัวของขีปนาวุธรุ่น KN-08 ซึ่งก็ถูกนำมาโชว์ก่อนในการสวนสนามเช่นกัน หลายฝ่ายจึงมองว่า การนำมันออกมาโชว์ หมายถึงว่าเกาหลีเหนือบรรลุ หรือไม่ก็ใกล้จะบรรลุเป้าหมายในการสร้างขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่โจมตีจากเกาหลีเหนือถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐได้ แม้ว่าจะยังไม่มีการสาธิตถึงศักยภาพของมันก็ตาม และจากขนาดของท่อชี้ว่า มันอาจจะติดหัวรบนิวเคลียร์ได้หลายหัว แต่คาดว่าเรื่องนี้ เกาหลีเหนือยังอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี
สำหรับรถที่ใช้บรรทุกท่อสำหรับขีปนาวุธแบบที่ 2 ก็เป็นพัฒนาการที่สำคัญเช่นกัน โดยปี 2554 เกาหลีเหนือได้นำเข้าเชสซีรถบรรทุกขนาดใหญ่ 6 ชุดจากจีน ในปีถัดมา ก็ได้เปลี่ยนมันเป็นเครื่องยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ แต่มันใหญ่กว่าขีปนาวุธทุกรุ่นที่ประเทศมี
ทำให้สงสัยกันว่า พวกเขาจะเอามันมาทำอะไร และคำตอบก็มีออกมาเมื่อวันเสาร์ สำหรับท่อที่อยู่บนรถ ก็มีขนาดพอ ๆ กับที่ใช้กับขีปนาวุธข้ามทวีป และเชื่อกันว่าประ เทศเริ่มพัฒนามันมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นอย่างน้อย ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ารูปร่างลักษณะของมัน เหมือนกับขีปนาวุธข้ามทวีปของรัสเซียที่ชื่อโตโปล ซึ่งก็แสดงว่าโครงการอาวุธของพวกเขาพัฒนาไปได้ไกลมากในเวลาอันสั้น และเมื่อดูจากขนาดแล้ว มันใหญ่พอที่จะยิงถึงทุกแห่งในสหรัฐได้
การใช้รถบรรทุกมาบรรทุกขีปนาวุธ แทนการใช้รถเทรลเลอร์ลาก ก็ทำให้มันเหมาะกับระบบถนนที่ไม่ค่อยดีของประเทศ ทำให้ข้าศึกสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของมันได้ยากมากขึ้น เรื่องนี้หมายถึงว่า พวกเขาต้องการรับประกันเรื่องศักยภาพในการตอบโต้ แม้ว่าจะถูกสหรัฐโจมตีก่อนก็ตาม
อาวุธทั้ง 4 แบบนี้ เป็นอาวุธแบบรุก ไม่ใช่อาวุธสำหรับรับมือกับข้าศึก และอาจจะสู้กับไม้เด็ดหลายลูกของสหรัฐไม่ได้ แต่ก็บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของคิม จองอึนในการตอบ โต้กับข้าศึก ในทำนองที่ว่าถ้าเกิดสงคราม เกาหลีเหนืออาจจะพังยับ แต่สหรัฐก็จะเสียหายไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งสหรัฐก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความรู้สึกว่าถูกข่มขู่เช่นนี้มาก่อน นับตั้ง แต่สมัยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ เมื่อสหภาพโซเวียตแอบขนเอาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไปติดตั้งอยู่ที่คิวบา หน้าบ้านของสหรัฐเอง เพราะแม้รัสเซียและจีน คู่กัดของสหรัฐจะมีอาวุธนิวเคลียร์มากมาย แต่สหรัฐก็ไม่ได้มองว่าสองประเทศนี้เป็นประเทศอันธพาล ที่ไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งจะกดปุ่มยิงอาวุธนิวเคลียร์มาถล่มสหรัฐ
แต่ไม่ว่าเกาหลีเหนือจะมีเขี้ยวเล็บร้ายกาจเพียงใด สหรัฐก็เป็นต่ออยู่หลายขุม ไม่ว่าจะเป็นแนวรุก แนวรับ หรือแนวเสริมจากบรรดาพันธมิตรที่มีอยู่ทั่วโลก การที่จู่ ๆ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาสร้างภาพการเป็นผู้นำที่แข็งกร้าว ด้วยการส่งขีปนาวุธโทมาฮอว์คเกือบ 60 ลูกถล่มซีเรีย ที่แทบไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากมายให้กับประเทศนี้ ที่ยับ เยินอยู่แล้วจาก สงครามกลางเมือง รวมถึงขนระเบิด MOAB ระเบิดธรรมดาที่มีอานุ ภาพทำลายล้างสูง จนมีการตั้งชื่อว่าแม่ของระเบิดทั้งมวล ไปถล่มที่มั่นกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีการปล่อยให้คนภายนอกเข้าไปในพื้นที่ระเบิด และการส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 3 กองไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านเกาหลีเหนือ แทบจะในช่วงเวลาเดียวกัน จึงสร้างความฉงนสนเท่ให้กับหลายฝ่าย ว่าจริงๆ แล้ว เขาต้องการอะไรแน่ จึงต้องการจัดการกับเกาหลีเหนือให้เด็ดขาดจริง ๆ เพราะการจัดการกับเกาหลีเหนือ ไม่เหมือนกับการเล่นกับซีเรีย หรือกลุ่มก่อการร้าย
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า ปัญหาเรื่องนี้ลามมาจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเพราะทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ชนะมาด้วยคะแนนของคณะเลือกตั้ง ดังนั้น ผู้คน และกลุ่มอำนาจทางการเมืองมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือบรรดานักการเมืองของพรรคเดโมแคร็ต จึงไม่ถือว่าเขาเป็นผู้นำที่แท้จริงของประเทศ และก็สื่อออกมาในการประท้วงและไม่เห็นด้วยกับแนวนโยบาย และการดำเนินการมากมายของเขาตั้งแต่ต้นจนถึงทุกวันนี้ ทางออกที่คณะที่ปรึกษาของเขาคิดได้ก็คือการสร้างภาพให้เขาเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง เพราะอย่างน้อย พรรคเดโมแคร็ต ก็หวังที่จะเห็นอเมริกามีท่าทีที่เข้มแข็งในกรณีพิพาทระดับภูมิภาค ดูได้จากกรณีของ นางฮิลลารี่ คลินตัน คู่แข่งของทรัมป์ในการเลือกตั้ง ที่ก็ออกมาสนับสนุนทรัมป์ในการดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวในครั้งนี้
แต่เมื่อเกาหลีเหนือไม่ได้ทีท่าทีว่าจะหวาดกลั่นหวั่นเกรงการขู่ของสหรัฐแต่อย่างใด ประกอบกับข่าวเรื่องที่ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินคาร์ล วินสัน ก็ยังไม่ได้ไปจ่อที่หน้าบ้านเกาหลีเหนือ ก็เป็นหน้าที่ของทีมที่ปรึกษาของทรัมป์ว่าจะหาทางลงจากเรื่องที่พวกผูกขึ้นมาเองอย่างไร ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่มองกันก็คือการกล่อมจีนให้เพิ่มแรงกดดันเกาหลีเหนือมากขึ้น
เพราะออพชั่นเรื่องการโจมตีเกาหลีเหนือนั้น ไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐ รวมถึงเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และทั่วโลก และทีมที่ปรึกษาของทรัมป์ ก็รู้เรื่องนี้ดี

logoline