svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

PRIME TIME กับเทพชัย เมื่อกุนซือช้างศึก..ไม่ใช่ "ซิโก้" | ตอนที่ 1/3 | 08-04-60

08 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การประกาศลาออกจากการเป็นเฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เมื่อสิ้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ ทัพช้างศึกไทยต้องก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ แต่ที่แน่ๆ การลาออกของซิโก้ ในครั้งนี้คงหนีไม่พ้นประเด็น ที่เป็นการตอกย้ำถึงรอยร้าวฉานของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กับ ตัวเขา เบื้องหลังของการลาออกของซิโก้ คืออะไร และจากนี้ต่อไป ทีมชาติไทยจะเป็นเช่นไร เมื่อผู้นำทีมคนใหม่ไม่ใช่ซิโก้

เสียงนกหวีดสุดท้ายจากกรรมการผู้ตัดสินในสนามไซตามะ สเตเดี้ยม ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่28 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นสัญญาณดับความฝันของคนไทยที่จะเห็นนักเตะไทยเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก และความพ่ายแพ้ถึง 0-4 ให้กับทีมชาติญี่ปุ่นเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าฟุตบอลไทยยังห่างชั้นทีมฟุตบอลชั้นนำของภูมิภาคนี้อย่างมาก
แต่การที่นักเตะไทยได้เข้าไปโลดแล่นในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ12ทีมสุดท้าย ถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่มาไกลที่สุดแล้วสำหรับประเทศไทย และคนที่มีส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้คนไทยกล้ามีความฝันในระดับฟุตบอลโลกได้ครั้งนี้ก็คือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
แต่ในที่สุด อนาคตของหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอน หรือเฮ้ดโค้ชทีมชาติไทยก็ดับไปพร้อมกับความฝันของคนไทย วินาทีที่เสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นในสนามไซตามะ สเตเดี้ยม
ย้อนหลังไป วันที่ 23 มีนาคม ความหวังที่จะเห็นทีมชาติไทยเข้าสู่ฟุตบอลโลกถูกสั่นคลอนมากที่สุด เมื่อนักเตะไทยต้องพ่ายแพ้คาบ้านถึง 0-3 ให้กับซาอุดิอาระเบีย ทีมฟุตบอลชั้นนำอีกทีมหนึ่งในโซนเอเซีย
ถึงจะมีความหวัง แต่แฟนๆ บอลชาวไทยก็พยายามทำใจตั้งแต่เริ่มต้นว่า เส้นทางไปสู่ฟุตบอลโลกสำหรับนักเตะไทยนั้นยังอีกยาวไกล และ เกียรติศักดิ์เป็นคนที่แบกความหวังของบรรดาแฟนๆ ไว้มากที่สุดและดูเหมือนว่าถึงแม้ในที่สุดนักเตะไทยจะล้มเหลวก็ตาม แต่แฟนบอลยังพร้อมให้โอกาส เกียรติศักดิ์ แต่ความจริงคือ คนที่มีอำนาจตัดสินอนาคตของซิโก้จริงๆ ไม่ใช่กองเชียร์ขอบสนามหรือหน้าจอทีวี แต่เป็น พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง
"คำถามที่ว่าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าหัวใจคนไทยคิดยังไง คิดเหมือนผมไหม ถ้าบอกว่าอยู่กันไปแบบนี้ ไม่เป็นไร แชมป์ซีเกมส์ แชมป์ซูซกิคัพ ไประดับเอเชีย แพ้ 3-0 แพ้ 4-0 ไม่เป็นไร แต่สำหรับผม ผมอายครับ ผมรับไม่ได้ ถ้าให้ผมงอมืองอเท้าอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้ แล้วปล่อยให้ทีมเป็นเช่นนี้ต่อไปในช่วงที่ผมอยู่อีก 3 ปีผมลาออกดีกว่า ถ้าเป็นแล้วทำดีไม่ได้อย่าเป็น ให้คนอื่นเขาเป็นดีกว่า"
จากคำให้สัมภาษณ์ของพลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ที่ให้กับสื่อ ตีความได้ไม่ยากว่า ถ้าทีมชาติไทยที่พ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นอย่างหมดท่าคือ ช้างที่ล้มและต้องการกำลังใจจากทุกๆฝ่าย และซิโก้รู้ดีว่า คงไม่มีทางคาดหวังความเห็นใจจากคนที่เป็นเจ้านายได้ และแล้วซิโก้ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ช็อกวงการบอลไทย
ซิโก้ ประกาศขอยุติการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักฟุตบอลทีมชาติไทย ผ่านอินสตาแกรม เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ปิดฉาก 1 ปีเศษ กับการทำงานร่วมกับ พล.ต.อ. สมยศ ปฏิกิริยาของแฟนบอลเต็มไปด้วยความเสียใจและการให้กำลังใจ และเสียงของแฟนๆ ฟุตบอล สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีว่าซิโก้มีความสำคัญกับทีมชาติไทยแค่ไหน
แต่คำถามใหญ่ที่ดูเหมือนยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนคือ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่สามารถเรียกศรัทธาแฟนบอลชาวไทยได้มากที่สุดในยุคนี้ ต้องตัดสินใจหยุดภารกิจที่คนทั้งประเทศเอาใจช่วยถึงแม้บรรยากาศการทำงานร่วมกันระหว่าง เกียรติศักดิ์ กับ พล.ต.อ. สมยศ ก่อนหน้านั้นอาจจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดไม่แพ้เกมในสนาม แต่ก็ไม่มีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่า ซิโก้ จะเดินออกจากสนามง่ายๆ แบบนี้
หากมองย้อนไปตั้งแต่ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนในวงการยอมรับว่าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลางอย่างกับการบริหารจัดการฟุตบอลไทย ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกกรรมการ ระบบลีกการแข่งขัน และผู้ถือครองผลประโยชน์ทั้งหมดของสมาคมผลที่ตามมาคือภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทยที่แตกต่างไปจากอดีตอย่างสินเชิงแต่สิ่งหนึ่งที่ท้าทาย พลตำรวจเอก สมยศ มากที่สุดคือตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากผู้บริหารสมาคมชุดเก่า
ซิโก้ เข้ามารับตำแหน่งกุญซือทีมชาติไทย ในสมัยที่นาย วรวีย์ มะกูดี เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในยุคที่ฟุตบอลไทยตกต่ำสุดขีด จนถึงขั้นนักเตะไทยตกรอบซีเกมส์ถึง 2 สมัย
แต่ทันทีที่เกียรติศักดิ์ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าทีมผู้ฝึกสอน ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นแทบจะทันที การคว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งแรกในรอบ 6ปี ที่ กรุงเนปิดอร์ ของเมียนม่าร์ ในปี 2556 เป็นจุดร่วมต้นของสิ่งที่เรียกันว่า "ยุคซิโก้"
การร่วมมือกับ โค้ช โชคทวี พรหมรัตน์ คว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งต่อมา ที่สิงคโปร์ในปี 2558 ทำให้ซิโก้กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอล ก่อน ซิโก้ จะพาทีมไทยลงสนามคว้าแชมป์ ซูซูกิคัพ 2 สมัยติด ในปี 2557 และล่าสุด ปลายปี 2559
ในเวลาเพียง 3 ปีกว่า ซิโก้ พาทีมชาติไทยจากจุดที่ตกอับที่สุด สู่สุดที่เกือบสูงสุดจนทำให้ทีมชาติไทยได้รับการยกย่องให้เป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แม้แต่ในระดับเอเชียนเกมส์ที่เกาหลีใต้ปี 2557 ทีมชาติไทยก็แสดงฝีมือได้อย่างน่าประทับใจ ถึงแม้จะจบลงด้วยการได้แค่อันดับที่ 4 ก็ตาม การพานักเตะไทยเข้าไปในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบ2 จนคว้าแชมป์กลุ่มเอฟได้ ทำให้คนไทยมีความคาดหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่สนามสำหรับศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ12 ทีมสุดท้าย ไม่ใช่ของง่าย นักเตะไทยต้องเจอะกับทีมฟุตบอลชั้นนำของภูมิภาคนี้ และน้อยคนนักที่เชื่อว่าไทยจะผ่านด่านเหล่านี้ไปได้ไม่ว่าจะพยายามเอาใจช่วยแค่ไหน ความพ่ายแพ้ติดต่อกันทำให้กระแสความหมางเมินระหว่าง กุญซือทีมชาติไทยกับสมาคมฟุตบอล ปะทุขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสัญญาการคุมทีมฉบับใหม่ การโพสต์ข้อความบนสื่อออนไลน์หรือการให้สัมภาษณ์กับสื่อที่พาดพิงถึงกันและกัน
แม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างการที่ไม่มีใครยอมนั่งรถที่สมาคมฟุตบอลส่งไปรับซิโก้เพื่อให้ไปแถลงข่าวก่อนเจอกับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ก็เป็นประเด็นที่ถูกตีความไปต่างๆ นาๆ จนถูกมองว่าอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอะไรบางอย่างถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน
แหล่งข่าววงในบอกกับไพร์มไทม์ว่า ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยของ พลตำรวจเอก สมยศ มีมาตลอด และเคยตกเป็นกระแสข่าวอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งหนึ่งเป็นเรื่องการของต่อสัญญาของเกียรติศักดิ์ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังขาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องต่างๆของบริษัทสปอร์ตฮีโร่ของซิโก้ และเป็นที่รู้กันว่านายกสมาคมฟุตบอลมีความต้องการจะได้โค้ชจากต่างประเทศมาทำหน้าที่แทนเหตุการณ์เหล่านี้เป็นต้นเหตุของข่าวลือว่าซิโก้กำลังจะถูกปลด แต่ในเมื่อซิโก้ ยังมีบทบาทโดดเด่นจนพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซิกิคัพในปี 2559 ได้ การปลดหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่เป็นขวัญใจแฟนบอลทั้งประเทศในเวลานั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดอย่างแน่นอน
พล.ต.อ. สมยศ มีทางเลือกไม่มากนัก ต้องเดินหน้าต่อสัญญากับเกียรติศักดิ์อีก 1 ปีแต่ซิโก้ก็คงรู้ชะตากรรมของตัวเองดี เพราะมันจะเป็นหนึ่งปีที่ไม่มีสิทธิ์พลาดหรือล้มเหลว ความท้าทายเฉพาะหน้าคือเกมที่ต้องลงสู้กับซาอุดิอาระเบีย และญี่ปุ่น ทีมชาติไทยต้องทำคะแนนให้ได้ แต่ภารกิจของซิโก้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
การประกาศลาออกอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเกียรติศักดิ์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ถึงแม้มีกระแสข่าวว่าเกียรติศักดิ์และสมาคมฟุตบอลได้มีข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้เรื่องนี้จบลงโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหาย
คำถามที่ทุกคนกำลังรอคำตอบจากสมาคมฟุตบอลคือ ใครจะมาแทนที่ เกียรติศักดิ์ถึงจะยังไม่มีคำตอบทันที แต่ก็เริ่มมีเค้าลางของความเป็นไปได้เกี่ยวกับตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่
เมื่ออดีตกุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ช่วงปี 2554 ถึง 2556 วินฟรีด เชเฟอร์ ชาวเยอรมัน วัย 67 ปี ปรากฏตัวที่ที่ทำการสมาคมฟุตบอลเพื่อพบกับ ฟุตบอล พล.ต.อ.สมยศ และอดีตผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทย โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกมองว่าอาจเป็นทางเลือกในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอน
กระแสข่าวการเลือกตำแหน่งกุนซือคนใหม่ถูกเชื่อมโยงไปถึง เรเน มูเลนสตีน อดีตมือขวาของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมสโมสรระดับโลกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเข้าพบพลตำรวจเอกสมยศ ต่อจากวินฟรีด เชเฟอร์ 1วันให้หลังพยงค์ ขุนเณร อดีตสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ และหัวหน้าผู้สอนทีมชาติไทยชุดเยาวชน บอกกับไพร์มไทม์ว่า หากสมาคมฟุตบอลต้องการจะให้ทีมชาติไทยก้าวไปถึงระดับเอเชียและระดับโลกได้ ก็หนีไม่พ้นความจำเป็นที่ต้องมีหัวหน้าผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ระดับโลก
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ไป คงไม่มีใครปฏิเสธว่าบทที่ยิ่งใหญ่บทหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย ก็คือเรื่องราวของเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตนักเตะทีมชาติไทยที่โด่งดังที่สุด และอดีตโค้ชทีมชาติไทยที่จุดประกายความฝันสู่ฟุตบอลโลกให้กับคนไทย

logoline