การเคลื่อไหวอย่างต่อเนื่องของ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาน ที่ออกมาเรียกร้องให้เจ้าอาวาสวัดทั่วประเทศและทั่วโลกออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเสนอชื่อ สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ได้สร้างความกังวลต่อรัฐบาล
แหล่งข่าวจาก กรอมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บอกกับ PRIMETIME ว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าทีดีเอสไอไปชี้แจงกับสมเด็จช่วง และคนใกล้ชิดที่วัดปากน้ำภาษีเจริญว่า เรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชกับเรื่องการดำเนินคดีสมเด็จช่วง ที่ครอบครองรถเบนซ์จดประกอบ นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
ดังนั้นที่มีกระแสข่าวปลุกระดมเจ้าอาวาสวัดมาเพื่อต่อต้านดีเอสไอ หรือเพื่อสนับสนุนให้สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะกระบวนการแต่งตั้งนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน จึงขอให้ สมเด็จช่วง ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แจ้งไปยังวัดทุกวัดทั่วประเทศ ว่าอย่าได้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เพราะการชุมนุมเกิน 5 คน เป็นการกระทำที่ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจะออกมาสนับสนุนหรือต่อต้านนั้นต้องดูกฎหมายและวินัยสงฆ์ด้วยว่า ทำได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างวันนี้น่าจะต้องใช้กฎหมายเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งการจะตั้งใครจำเป้นจะต้องมีการตรวจสอบ
"ทุกอย่างผมบอกแล้วว่า เป็นเรื่องของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและศาลที่จะว่ามา ผมก็ทำตามอำนาจบริหารที่มีอยู่ วันนี้ก็สอบต่อไปสิ ถ้ายังไม่ชัดเจน ซึ่งมันก็เกี่ยวกับวิกฤตศรัทธาของประชาชนด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำต่ออีกว่า จะเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชเมื่อใดนั้นไม่ได้ขึ้นกับระยะเวลา แต่ขึ้นกับว่า จะเคลียร์ข้อกล่าหวาได้เมื่อใด
ด้าน นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความของ สมเด็จช่วง บอกกับ PRIMETIME ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข่าวที่ ดีเอสไอ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ 2 ประเด็น แต่อยากให้ทาง ดีเอสไอ ประชุมกันให้เรียบร้อย และดำเนินการมาตามขั้นว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาอะไรบ้าง จากนั้นจะสามารถอธิบายชี้แจงได้ว่าอะไรเป็นอะไร
แต่ทั้งนี้ ดีเอสไอ ไม่ใช่ศาล เป็นแค่พนักงานสอบสวน ไม่สามารถชี้ถูกหรือชี้ผิดได้ ดังนั้นจะต้องพิจารณาหลักฐานให้ชัดเจน และรวบรวมพยานหลักฐานด้วยสุจริต ไม่ใช่จะมากล่าวหากัน ควรระวังการกระทบสิทธิ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์