ย้อนรอย "ชุดประจำชาติไทย" บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส
อีกหนึ่งสีสันของการประกวดนางงามจักรวาลหรือ มิสยูนิเวิร์ส คือชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยม ซึ่งแต่ละประเทศก็จะงัดทีเด็ดของตัวเองออกมาพรีเซ็นต์บนเวทีนางงามโลกบางประเทศก็จัดมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ขณะที่บางคนก็นำเสนอความเป็นพื้นบ้านของประเทศตัวเองเพื่อสู่สายตาสากล
ซึ่งในปีนี้ตัวแทนสาวไทยที่จะไปอวดโฉมบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2015 คือ"แนท อนิพรณ์ สาวสวยผู้ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจนเราก็ต้องมาลุ้นกันว่าปีนี้ประเทศจะคว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมกลับมาได้หรือเปล่า
วันนี้ทางเนชั่นบันเทิงจึงได้รวบรวม "ชุดประจำชาติไทย" ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเมื่อครั้งยังเป็นเวทีนางสาวไทย ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ซึ่งเราจะได้เห็นพัฒนาการการออกแบบเพื่อสื่อถึงความเป็นไทยและความคิดสร้างสรรค์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องแต่ละชุดล้วนสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับคนไทย เริ่มต้นที่ ปี1966 ตัวแทนสาวไทยคือ จีรนันท์เศวตนันท์ เป็นชุดไทยบรมพิมาน ปีนี้เรามีรองนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทยเพิ่มมาอีกคน
ต่อมาในปี1968 อภันตรี ประยุทธเสนีย์ กับชุดไทยจักรี ซึ่งในปีนั้นตัวแทนสาวไทยได้เข้ารอบ15 คนสุดท้ายของเวทีมิสยูนิเวิร์สอีกด้วย
ถัดมาเพียงปีเดียวปี 1969 แสงเดือน แม้นวงศ์ กับชุดประจำชาตินางละคร ซึ่งชุดนี้ก็คว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมกลับมาเป็นของขวัญให้คนไทย
อีก 15ปีต่อมาในปี 1984 ตัวแทนสาวไทยคือ สาวิณี ปะการานังกับชุดประจำชาติไทย และสามารถเข้ารอบลึก 10 คนสุดท้ายนางงามจักรวาลปี1984
และปี1988 คือปีที่สร้างความฮือฮาได้มากที่สุด เมื่อ ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนกใส่ชุดไทยไปอวดสายตาชาวโลก และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ด้วยการคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่2 ของประเทศไทย และชุดประจำชาติที่เธอใส่ไปประกวด ก็คว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมปี 1988 กลับมาฝากคนไทยด้วยเช่นกัน
ต่อเนื่องความเป็นไทยด้วยชุดแต่งกายประจำชาติในปี1989 เมื่อ ตัวแทนสาวไทย ยลดา รองหานาม กับชุดไทยประยุกต์ โดยส่วนบนประยุกต์จากชุดมโนราห์และชุดนี้ก็ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมปี 1989
และในปีพ.ศ. 2535 หรือ 1992 เป็นปีแรกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สตัวแทนประเทศไทยคือ สาวเหนือ "อรอนงค์ ปัญญาวงศ์"กับชุดประจำชาติไทยประยุกต์ และคว้ารางวัลรองอันดับ 1 ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมปี 1992
ต่อมาในยุค2000 ที่เวทีนางสาวไทย ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเหน่ง กุลธิดา เย็นประเสริฐ คือผู้ที่คว้ามงกุฎไปในขณะนั้น มากับชุดประจำชาติไทยสีเหลืองอ่อนแต่ก็ไม่สามารถคว้ารางวัลติดไม้ติดมือกลับมาได้
ปี2003 ชุดประจำชาติไทย เริ่มมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น นำแนวแฟนซีมาประยุกต์ใช้โดยให้ตัวแทนสาวไทยคือ เจี๊ยบ เยาวลักษณ์ ไตรสุรัตน์ ใส่ชุดประจำชาติไทยประยุกต์ แนวแฟนซีแบบนกกิงกาหรา ปักษาสวรรค์ไปอวดบรรดาประเทศต่างๆ ซึ่งก็สร้างความฮือฮาพอสมควรสำหรับคนไทย แต่ยังไม่ถูกใจกรรมการ
และในปี2005 ประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สอีกครั้ง โดยมีน้อด ชนันภรณ์ รสจันทน์ เป็นตัวแทนประเทศ กับชุดประจำชาติไทยประยุกต์ และคว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ
ปี2007 ชุดประจำชาติไทย เริ่มมีการคิดต่างกันมากขึ้น ไม่ใช่ชุดไทยประยุกต์หรือ นุ่งโจงกระเบนแบบเมื่อก่อนแล้ว โดย กวาง ฟ้ารุ่ง ยุติธรรม ตัวแทนสาวไทยกับชุดประจำชาติไทยแบบชาวเขาและแม้จะไม่ได้รางวัลกลับมา แต่กวาง ฟ้ารุ่ง ก็สามารถผ่านเข้ารอบ 15 คนสุดท้ายบนเวทีมิสยูนิเวิร์สในปีนั้นมาได้ และยังถือว่าเป็นคนสุดท้ายจนถึงปัจจุบันที่เข้ารอบลึกๆบนเวทีนี้
ต่อมาเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เริ่มมีการให้ประชาชนส่งผลงานเข้ามาประกวด เพื่อคัดเลือกความเป็นที่สุดให้กับสาวงามใส่ไปประกวดโดยในปี 2008 แก้ม กวินตรา โพธิจักร กับชุดประจำชาติไทยแบบนักมวยไทยโดยที่ประเทศไทยไม่เคยใส่ชุดแบบนี้ไปประกวดมาก่อน ความคิดที่สร้างสรรค์และบ่งบอกความเป็นมวยไทยทำให้ได้รับความสนใจอย่างมาก และคว้ารางวัลชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมปี2008 ไปครอง
ตอกย้ำความสำเร็จในปี 2010ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล กับชุดที่ชนะเลิศจากทางบ้าน เป็นชุดไทยประยุกต์ในชื่อสยามไอยรานำความเป็นช้างไทยเข้ามาผสม ด้วยความแปลกและโดดเด่น ทำให้คว้ารางวัล"ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมปี 2010 สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกปีนึง
ปี2011 "ฟ้า ชัญษร สาครจันทร์" กับชุดเหมราชนารี ได้แรงบันดาลใจมาจาก เหมราช ซึ่งเป็นสัตว์ในวรรณคดีร่างเป็นสิงห์ หัวเป็นเหมและได้รางวัลรองอันดับ 2 ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม
ต่อมาปี 2012 เป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์โดยตัวแทนสาวงาม "ริด้า ณัฐพิมล นาฏยลักษณ์"กับชุด "โลหะพัสตรา" ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก "โลหะปราสาท"วัดราชนัดดารามวรวิหาร
ปี2013 "ลิต้า ชาลิตา แย้มวัณณังค์" กับชุด"นาฏยมาลี" ได้แรงบันดาลใจจาก นาฏยกรรมไทย"นางรำ" ที่สามารถสื่อถึงหญิงไทยที่มีความงดงาม อ่อนช้อยและสวยสง่างาม
ปี2014 "แอลลี่ พิมบงกช จันทร์แก้ว" กับชุดShadow Play of Siam ได้แนวคิดหลักมาจากหนังใหญ่ ซึ่งเป็นมหรสพไทยโบราณ
ส่วนในปีนี้เราต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าชุด TUK TUK Thailand ที่ แนทอนิพรณ์ ใส่ไปประกวดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2015 จะคว้ารางวัลกลับมาฝากคนไทยได้หรือเปล่าเป็นเรื่องที่น่าติดตามกัน