สรุปธนาธร เป็น ส.ส.คนแรกที่โดนศาลตรวจสอบเรื่องนี้ ตั้งแต่ประกาศผลเลือกตั้ง ส่วนช่วงก่อนเลือกตั้ง ก็มีคดีของภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งโดนศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์การสมัครไปเรียบร้อยก่อนอื่นต้องบอกว่า คดีของธนาธร ไม่เหมือนกับคดีของภูเบศวร์ เพราะธนาธร ถูกกล่าวหาว่าถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อจริงๆ ส่วนคนอื่นๆ โดนร้องให้ตรวจสอบ เพราะถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการอย่างอื่น แต่ไปแจ้งวัตถุประสงค์แบบครอบจักรวาล รวมทั้งการทำสื่อด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำจริง
ล่าสุดมีข่าวจากเจ้าหน้าที่ที่ไปช่วยงาน กกต.ในเรื่องงานสืบสวนให้ข้อมูลว่า คำร้องเกี่ยวกับการถือหุ้นกิจการสื่อ มีมากกว่า 100 คำร้อง แต่ปรากฏว่า กกต.ทำงานคล้ายๆ จะเร่งเครื่องอยู่คดีเดียว คดีอื่นยังไม่สรุป ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนจากการตรวจสอบคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เคยมีคำพิพากษาคดีลักษณะนี้แล้วอย่างน้อยๆ 9 คดี ทั้งพวกที่ถือหุ้นบริษัทที่ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อจริงๆ แต่อ้างวัตถุประสงค์ครอบจักรวาล รวมถึงทำสื่อ ทั้งพวกที่ถือหุ้นบริษัทที่ทำสื่อจริงๆ แต่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว คือถือหุ้นเฉยๆ ไม่ได้ไปเกี่ยวกับงานบริหาร รวมถึงพวกที่ถือหุ้นบริษัททำสื่อ ผลิตหนังสือพิมพ์ เลิกกิจการไปแล้ว แต่ไม่ได้ไปแจ้งนายทะเบียน
ฉะนั้นบรรดา ส.ส.และผู้สมัครที่ถูกร้องอยู่ในขณะนี้มากกว่า 100 คน ถ้าว่ากันตามเนื้อผ้า ก็ต้องโดนสอยทั้งหมด และอาจต้องจัดเลือกตั้งใหม่กันขนานใหญ่ คำถามคือเมื่อไหร่ กกต. จะมีข้อสรุปในสำนวนเหล่านี้ หรือจะรอให้การโหวตเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อน ถ้าเป็นแบบนั้น กกต.ก็จะถูกตั้งคำถามว่า ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร