(คลิปข่าว) พรรคการเมืองประชันวิสัยทัศน์ด้านขนส่งและจราจร

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจจัดสัมมนา "พลิกโฉมไทย เปิดประตูสู่เศรษฐกิจนวัตกรรม" โดยเชิญผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. และผู้แทนพรรคการเมือง 5 พรรค เข้าร่วมแสดงความเห็น
พรรคประชาธิปัตย์ สามารถ ราชพลสิทธิ์ ระบุ กรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้า 520 กม. แต่เปิดให้บริการเพียง 120 กม. ส่วนที่เหลือพรรคจะเร่งรัดให้ก่อสร้างเสร็จภายใน 5 ปี ขณะที่ค่าโดยสารก็เป็นภาระหนักของประชาชน โดยพรรคมีนโยบายลดค่าโดยสารในเส้นทางที่รัฐบาลลงทุน 100% เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จะทำให้เกิดอัตราค่าโดยสารที่ถูกลง จากอัตราค่าโดยสารสถานีบางใหญ่ - เตาปูน เดิมมีอัตราค่าโดยสาร 14-42 บาท จะปรับลดเหลือ 15 บาทตลอดสาย และการเดินทางเชื่อมต่อมายังสถานีหัวลำโพง ค่าโดยสารจะเหลือ 43 บาท จากเดิม 70 บาท ลดลง 40%

ขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ระบุ ปัจจุบันคนไทยใช้เวลารถติดในประเทศ 800 ชั่วโมงต่อปี เมื่อมีรถไฟฟ้าก็ไม่ควรรถติด แต่กลับพบว่าสาเหตุที่ทำให้รถยังติดในกรุงเทพฯ คือรูปแบบโครงสร้างที่อยู่อาศัยอยู่นอกเมือง ตรงกลางเมืองมีเฉพาะคอนโดมิเนียม ขณะที่สำนักงาน ออฟฟิศกลับอยู่ในกรุงเทพฯ มากถึง 8.7 ล้านตารางเมตร และไม่กี่ปีข้างหน้าจะเพิ่มอีก 2 ล้านตารางเมตร เมื่อบ้านกับที่ทำงานอยู่ห่างกัน จึงทำให้เกิดการเดินทางด้วยรถ และรถติด รวมทั้งรถสาธารณะก็ไม่เพียงพอ

รถเมล์มีคนใช้เยอะที่สุดในระบบขนส่งสาธารณะ เฉลี่ยเดินทางประมาณ 2.5 ล้านคนในปี 2560 ส่วนบีทีเอส มีคนใช้ 6.6 แสนคน ดังนั้นการแก้ไขปัญหา คือการจัดหารถเมล์ เพื่อสร้างสมาร์ทโมบิลิตี้ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภค และต้องเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ควรเร่งทำเป็นส่วนแรก คือการรถเมล์ต้องปรับปรุงให้ดี และรถเมล์ ควรมี 2 ขนาด เพื่อใช้เป็นฟีดเดอร์และใช้ขนส่งเข้าเมือง


โฆษกพรรคภูมิใจไทย พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ระบุ พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายสร้างเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน โดยการใช้ศักยภาพของตนเองในการประกอบอาชีพ หารายได้ โดยรัฐไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมากมายในโครงการต่างๆ แต่จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมและสร้างการกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน สนับสนุนส่งเสริมให้คนทำงานสามารถทำงานที่บ้านได้สำหรับตำแหน่งที่ทำได้ โดยจะเร่งสร้างระบบสารสนเทศให้ทันสมัย


ด้านที่ปรึกษานโยบายด้านคมนาคม พรรคอนาคตใหม่ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ระบุ พรรคมีนโยบายให้ขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน โดยราคาถูกเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งพรรคมีแผนระยะสั้นที่จะทบทวนโครงการที่ไม่โปร่งใส เปลี่ยนรถเมล์ร้อนเป็นรถเมล์ไฟฟ้า และนำเทคโนโลยีมาติดตั้งในรถเมล์เพื่ออำนวยความสะดวก ส่วนแผนระยะยาวจะยุบรวมหน่วยงานที่ซับซ้อน กระจายอำนาจและเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น สร้างระบบขนส่งตามหัวเมือง