กลุ่มที่ 2 คำสั่งและประกาศ คสช.ที่ยกเลิกมี 3 ฉบับ สาระสำคัญคือปลดล็อคคำสั่งเรียกนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเข้าค่ายทหารแปลว่าหลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว และยังคืนสิทธิ์การเคลื่อนไหวทางการเมืองให้กับบุคคลที่เคยถูกจำกัดสิทธิ์โดยประกาศและคำสั่งคสช. อย่างเช่น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ"ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ
กลุ่มที่ 3 ประกาศและคำสั่งที่ยกเลิกมีมากหน่อย 4 ฉบับเป็นไฮไลท์ที่นักการเมืองหลายคนยิ้มได้หลังจากมืดมนมานานคือปลดล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ หาเสียงได้ และเปิดเสรีให้ประชาชนร่วมชุมนุมทางการเมืองเกิน5 คนได้
ปลดล็อคใหญ่แบบนี้เอง ทำให้รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย อาจารย์วิษณุ เครืองามขอให้คำจำกัดความว่า "ปล่อยผี" แต่ใช่ว่าผีจะเที่ยวเล่นได้ตามอำเภอใจไม่มีสิ้นสุดเพราะเมื่อพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา คาดว่าประมาณวันที่ 2 มกราคม การกระทำของพรรคการเมืองทุกอย่างจะถูกควบคุมโดยกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมาย กกต.ที่จะตีกรอบไม่ให้ทำผิดระเบียบ ซึ่งหลักๆแล้วคือเรื่องเงิน
ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่ ขยายวงไปถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวผู้สมัครด้วย ฉะนั้นทั้งบรรดา "กองเชียร์" และ "กองแช่ง"จะหวังดีหรือหวังร้าย ถ้าส่งผลให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบของตัวผู้สมัครหรือพรรคการเมือง กระทั่งทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็มีหวังโดนเล่นงาน ซึ่งรวมไปถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียด้วย
การที่คสช.ปลดล็อค "ปล่อยผี"จึงไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะทำอะไรกันได้แบบเสรี เพราะยังมีกฎหมายปกติคอยควบคุมอยู่ซึ่งกฎหมายได้กำหนดโทษเอาไว้สำหรับความผิดแต่ละอย่างไม่น้อยเหมือนกันจะเป็นผู้สมัครหรือกองเชียร์ ก็ต้องระวังให้ดี
ทีมข่าวเนชั่นทีวี / รายงาน