รำลึกวันกองทัพไทย...ภารกิจทหารไทย ณ ปราสาทตาควาย

ทหารไทยนำโดย พ.อ.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นำของขวัญปีใหม่และอาหารแห้งไปมอบให้ทหารกัมพูชา ซึ่งนำโดย พ.ท.แปน ซา เวน ผู้บังคับกองพันที่ 1 ถือเป็นการสร้างสัมพันธ์ผูกมิตรต่อกัน ในพื้นที่ส่วนกลางของปราสาทตาควาย หรือ ปราสาทตากระเบยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2554 ช่วงเช้าตรู่ เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ถือเป็นการเปิดฉากการรบแบบซึ่งๆ หน้า จนเกิดความเสียหายและการสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่่ทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งต้องอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่กันอย่างโกลาหล

จากเหตุการณ์วันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมากว่า 7 ปีแล้ว ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ แต่เมื่อคณะกรรมการปักปันเขตแดนยังไม่สรุปผลเรื่องเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศ ทหารทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องจัดวางกำลังในที่ตั้งฝั่งตัวเอง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมพื้นที่มีความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็มี "พื้นที่ส่วนตรงกลาง" เอาไว้ติดต่อประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกัน
ในช่วงกลางคืน ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายจะนอนเฝ้าเวรยามร่วมกัน คืนละ 2 คน โดยทหารไทยต้องพูดภาษากัมพูชาได้ด้วย ส่วนช่วงกลางวัน จำนวนทหารที่มาปฏิบัติงานจะดูตามความเหมาะสม หากช่วงใดมีนักท่องเที่ยวของชาติตัวเองเข้ามาในพื้นที่มาก ทหารของชาตินั้นก็ต้องเพิ่มกำลัง โดยทางขึ้นปราสาทจะมี 2 ฝั่งแยกกันชัดเจน แต่ตอนนี้ให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกัน อย่าไปถือเป็นปัญหา
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ถือว่าเป็นไปด้วยดีอยู่แล้ว แม้จะมีวิกฤตเกิดขึ้น แต่นั่นไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งทางทหาร ขณะที่ทหารกัมพูชาเองก็พยายามให้มีการประสานงานร่วมกัน เพราะเจตนารมณ์ที่ต้องการก็คือไม่อยากให้มีความขัดแย้งหรือสงครามอีกต่อไปปัจจุบันที่ตั้งของปราสาทตาควาย ยังไม่มีบทสรุปว่าอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยหรือเรียกร้องเหมือนกรณีปราสาทพระวิหาร ฉะนั้นพื้นที่ปราสาทตาควายจึงมีความยืดหยุ่นในการเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แม้ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายจะเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ก็เป็นลักษณะของมิตรภาพ