svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เมเจอร์ฯ ทุ่ม 30 ล้าน พัฒนาเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า

18 มกราคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมเจอร์ ทุ่มงบลงทุน 30 ล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัยเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นใหม่ 'Super App' ตั้งเป้าในปีนี้เพิ่มสัดส่วนการซื้อตั๋วผ่านทางออนไลน์เพิ่มเป็น 20% ติดตามจากรายงาน คุณธนัญญา นาคเงิน

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป บอกว่า ในปี 2562 บริษัทฯ มุ่งเน้นทำการตลาดไปที่ Mobile Marketing แบบเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด เพราะปัจจุบันมือถือมีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวันของเราทุกคน โดยจะให้ความสำคัญตามนโยบาย Major 5.0 คือ ทุกขั้นตอนของการทำงานต้องให้เป็น Digital ทุกอย่างต้องอยู่ในมือถือ จึงปรับตัวอยู่ตลอดเวลา รวดเร็วไม่หยุดนิ่ง และพยายามเข้าใจเทคโนโลยี และใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างฉลาด
บริษัททุ่มงบลงทุน 30 ล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัยเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเตรียมเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นใหม่ Super App ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นแรกของธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่นำระบบ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะทำให้การดูภาพยนตร์เป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถเข้าใจ เข้าถึงพฤติกรรมลูกค้าผู้ใช้งาน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน มี.ค.นี้
สำหรับแอพพลิเคชั่นใหม่ดังกล่าว ได้เอ็มเทลผู้ให้บริการด้าน Digital Solution Provider อันดับหนึ่งจากประเทศฮ่องกง มาร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ให้เป็น SmartApplication โดยจะเชื่อมโยงบริการและประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่บริการด้านโรงภาพยนตร์ ในการค้นหาข้อมูลภาพยนตร์ ตลอดจนการทำรายการซื้อบัตรชมภาพยนตร์และการมาใช้บริการที่โรงภาพยนตร์

เมเจอร์ฯ ทุ่ม 30 ล้าน พัฒนาเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า


นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมเพื่อเพิ่มความสนุกในการใช้งาน โปรโมชั่น และข้อเสนอพิเศษ รวมถึงระบบสมาชิกที่มีสิทธิประโยชน์ และการแลกรับของรางวัลต่างๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองภายในแอพพลิเคชั่น
ซึ่งหลังจากเปิดตัวแอพฯ ใหม่คาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นในปี 62 เป็น 10 ล้านดาวน์โหลด และคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าซื้อตั๋วภาพยนตร์ผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 20% หรือ 7.8 ล้านใบ จากเป้าหมายยอดขายตั๋วรวม 39.4 ล้านใบในปีนี้ จากปีก่อนที่มีสัดส่วนการซื้อตั๋วภาพยนตร์ทางออนไลน์ 5-8% หรือ 2.5 ล้านใบ และซื้อตั๋วผ่านทางตู้อัตโนมัติ 75% ทาง Box Office 5% ซึ่งในอนาคตช่องทางขายตั๋วผ่านแอพฯ จะเป็นช่องทางหลักของเมเจอร์ฯ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 สัดส่วนจะอยู่ที่ 80%

และภายใต้การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็มเทล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เมเจอร์ถือหุ้นในสัดส่วน 70% และเอ็มเทล โซลูชั่นส์ 30% เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่น ยังตั้งเป้าหมายให้แอพพลิเคชั่นดังกล่าว เป็นต้นแบบในการพัฒนาให้กับโรงภาพยนตร์ในประเทศต่างๆ โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศ เช่น จีน และอินเดีย ในการเข้าไปพัฒนาแอพพลิเคชั่น

logoline