svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

แบงก์ชาติประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 โต 4%

11 มกราคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ธนาคารแห่งประเทศไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนีโต 4% ปัจจัยที่ต้องจับตาคือสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ พร้อมระบุ ธปท.มีเครื่องมือดูแลเศรษฐกิจหากสถานการณ์ในประเทศไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วิรไท สันติประภพ เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อสรุปแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินรายไตรมาสว่า ในปีนี้ ธปท.ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะขยายตัวได้ประมาณ 4% โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะต่างประเทศ ทั้งผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ-จีนที่อาจมากกว่าที่คาด การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากกรณีสหราชอาณาจักรอาจออกสภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง หรือ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังขยายตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะรายได้ภาคเกษตร ด้านการใช้จ่ายภาครัฐอาจต่ำกว่าที่คาด จากข้อจำกัดในการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการลงทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังมองว่า จีดีพีของไทยยังขยายตัวสอดคล้องกับศักยภาพ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยธปท.พร้อมที่จะใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มี เพื่อดูแลระบบเศรษฐกิจให้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการส่งออกสินค้าชะลอลงจากผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้า แต่ผลดีจากการย้ายคำสั่งซื้อและการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทยจะเป็นปัจจัยสนับสนุนในระยะต่อไป โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัวที่ 7% และ 3.8% ในปี 2561 และปี 2562 ตามลำดับ สำหรับการส่งออกบริการขยายตัวชะลอลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง แต่ล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มมีสัญญาณปรับดีขึ้นแล้ว

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 อยู่ที่ 1.1% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงิน ในปี 2562 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัว 1% โดยอาจจะต่ำกว่าที่ประเมินนี้ได้จากความเสี่ยงเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่มีมากขึ้น สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามความเสี่ยงบางจุดที่ยังไม่ปรับดีขึ้นชัดเจนจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นจนประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร การแข่งขันในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเนื่องจากประชาชนก่อหนี้มากขึ้นเพื่อการบริโภคและไม่จูงใจให้เกิดการออม
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด (วันที่ 19 ธ.ค. 2561) กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% ต่อปี โดยกรรมการส่วนใหญ่ที่ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเห็นว่า การลดระดับความผ่อนคลายของนโยบายการเงินลงจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้าง policy space สำหรับอนาคตเมื่อมีโอกาส และสิ่งที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คำนึงถึงและให้ความสำคัญคือการป้องกันไม่ให้ผลข้างเคียงจากการที่มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อเนื่องนาน มาสร้างความเปราะบางและเป็นปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจการเงินไทยในอนาคต
ทั้งนี้ กนง. เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายจะยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะค่อยเป็นค่อยไปโดยอาจไม่ต่อเนื่องเช่นในอดีต โดยจะประเมินสถานการณ์ตามพัฒนาการของข้อมูลเป็นสำคัญ (data-dependent) ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ ผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจมากกว่าคาด และการที่สหราชอาณาจักรอาจออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit)

logoline