svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

(คลิปข่าว) ข่าวโกงเงินวัด... ปราบทุจริตหรือดิสเครดิตคณะสงฆ์?

19 เมษายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ข่าวใหญ่ส่งท้ายสงกรานต์ว่าด้วยการแจ้งความดำเนินคดีพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปจากวัดดังในกรุงเทพฯ 3 วัด โดยพระ 3 จาก 5 รูปเป็นพระราชาคณะ และยังเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมด้วย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงเส้นทางการตรวจสอบทุจริตในวงการผ้าเหลือง เพราะกระแสข่าวจากบางฟากฝั่งก็มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ "เล่นงาน" เฉพาะพระผู้ใหญ่จากบางขั้วบางปีกเท่านั้น โดยเฉพาะพระที่มีบทบาทสนับสนุนวัดพระธรรมกาย

(คลิปข่าว) ข่าวโกงเงินวัด... ปราบทุจริตหรือดิสเครดิตคณะสงฆ์?

แต่ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ หรือผู้การ ปปป. ยืนยันกับล่าความจริงว่า การตรวจทุจริตหนนี้อยู่ใน "เฟส 3" ต่อเนื่องจาก 2 เฟสแรกที่มุ่งตรวจสอบ "เงินทอนวัด" จากงบอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเท่านั้น แต่เฟส 3 นี้ ได้ขยายผลไปถึงเงินอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม และเงินอุดหนุนเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่มีการเบิกจ่ายรวมๆ แล้ว 2,300 ล้านบาทต่อปี โดยตรวจสอบย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี 2555 และพบว่าวัดดัง 3 แห่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยมีความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 70 ล้านบาท และยังเตรียมตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 7 วัด

แผนประทุษกรรมการทุจริตของงบแต่ละส่วนแต่ละก้อน มีพฤติการณ์แตกต่างกันไป โดยส่วนแรก งบอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัด / งบส่วนนี้ ข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะจัดส่งไปที่วัด โดยโอนเข้าบัญชีวัดหรือบัญชีเจ้าอาวาส จากนั้นก็จะมี "คนในเครือข่าย" ไปติดต่อเพื่อขอเงินคืน เรียกว่า "เงินทอน" โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปพัฒนาวัดอื่นด้วย การตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้ ผ่านไปแล้ว 2 เฟส และวัด พระ และฆราวาส ตลอดจนอดีตข้าราชการระดับสูงในสำนักพุทธฯ เกี่ยวของเป็นจำนวนมาก

ส่วนที่ 2 คืองบอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม วิธีการทุจริตเริ่มจากสำนักพุทธฯ จัดงบอุดหนุนให้พระและฆราวาสที่สนใจศึกษาพระธรรมวินัย และหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยทางวัดจะเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นมา และแจ้งยอดผู้เรียนไปยังสำนักพุทธฯเพื่อเบิกงบอุดหนุน แต่ข้อมูลที่ตำรวจ ปปป.ตรวจพบ คือมีการแจ้งยอดผู้เรียนเกินจริง ขณะที่บางวัดไม่มีแม้แต่โรงเรียนพระปริยัติธรรมด้วยซ้ำ แต่กลับขอเบิกงบอุดหนุน

ส่วนที่ 3 คืองบเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นการทุจริตในรูปแบบการจัดอบรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แต่มีการจัดโครงการซ้ำซ้อน เพื่อเบิกเงินจำนวนมากขึ้น บางวัดมีการจัดอบรมและบรรยายในหัวข้อต่างๆ โดยเบิกค่าวิทยากรถึงชั่วโมงละ 30,000 บาท และยังมีการจัดโครงการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วย

(คลิปข่าว) ข่าวโกงเงินวัด... ปราบทุจริตหรือดิสเครดิตคณะสงฆ์?


แนวทางการทำคดีของตำรวจ ปปป. มุ่งไปที่ข้าราชการระดับต่างๆ ในสำนักพุทธฯเป็นหลัก เพราะการเบิกจ่ายงบแต่ละก้อนแต่ในแต่ละปี ตามระเบียบปฏิบัติแล้ว ทางวัดต้องเขียนโครงการเสนอไปยังสำนักพุทธฯ เพื่อของบประมาณ โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณา แล้วจึงอนุมัติงบลงมา แต่ที่ผ่านมาข้าราชการในสำนักพุทธฯ กลับเบิกจ่ายเงินให้กับวัดโดยตรง โดยไม่มีรายละเอียดการอนุมัติว่าให้นำเงินไปอุดหนุนในส่วนใด

สอดคล้องกับข้อมูลเชิงลึกที่ "ล่าความจริง" ได้รับจากพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ที่บอกว่า ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา อดีตผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ จะใช้วิธีให้ลูกน้องติดต่อประสานงานมายังวัด เพื่อโอนงบประมาณให้โดยไม่ต้องทำเรื่องเสนอของบประมาณขึ้นไป จากนั้นก็ให้ "ไวยาวัจกร" บริหารจัดการเงินอุดหนุนกันเอง โดยแบ่งเป็น 6 ด้านตามกิจของสงฆ์ และแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา คือ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้านการเผยแผ่ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ โดยรูปแบบการจ่ายเงิน จะจ่ายผ่านเช็คเงินสด เพื่อเข้าบัญชีของทางวัด

(คลิปข่าว) ข่าวโกงเงินวัด... ปราบทุจริตหรือดิสเครดิตคณะสงฆ์?




จากข้อมูลชุดเดียวกันนี้ ในมุมมองของพระลูกวัดที่รู้เห็นปัญหา มองว่า การทุจริตที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพระผู้ใหญ่ เพราะเงินไม่ได้ผ่านบัญชีพระ แต่เป็นการประสานงานกันระหว่างข้าราชการสำนักพุทธฯ กับไวยาวัจกร ฉะนั้นข่าวการทุจริตเงินอุดหนุนพระพุทธศาสนาในหมวดต่างๆ ที่ออกมาเป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้ จึงน่าเชื่อว่าเป็นการดิสเครดิตมหาเถรสมาคมและองค์กรปกครองคณะสงฆ์มากกว่า รวมทั้งเป็นการพยายามทำลายชื่อเสียงพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป และมีส่วนเชื่อมโยงกับความพยายามจัดการวัดพระธรรมกาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักพุทธฯ และตำรวจ ปปป.ไม่เคยมาตรวจสอบข้อมูลกับทางวัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับมีหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจได้


ข้อมูลทางฝั่งสงฆ์ยังระบุด้วยว่า ไม่เพียงพระผู้ใหญ่จาก 3 วัดนี้เท่านั้นที่อยู่ในเป้าหมาย เพราะยังมีพระชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าคิวถูกแจ้งความดำเนินคดีอีก 7 จังหวัด จึงน่าเชื่อว่านี่เป็นการพยายามทำลายองค์กรปกครองคณะสงฆ์มากกว่าการตรวจสอบทุจริตอย่างแท้จริง

logoline