ส่วย'วรจักร'ผลประโยชน์สีกากี

ภาคนิพนธ์ บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เรื่อง 'ปัจจัยการตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ของผู้บริโภคในย่านวรจักร กรุงเทพมหานคร' ของ อมรรัตน์ ปลั่งกลาง ชี้ให้เห็นปัจจัย ที่ทำให้วรจักร เป็นตลาดซื้อขายอะไหล่ยนต์ และประดับยนต์ แหล่งใหญ่ที่สุดของไทย

กลุ่มลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นชาย อายุระหว่าง 25 - 35 ปี ซึ่งเป็นวัยเริ่มทำงาน มีรายได้เป็นของตนเอง และสิ่งจำเป็นในการเดินทางไปทำงาน คือ รถยนต์ส่วนตัว ดังนั้น เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง เมื่อมีรถยนต์ ก็ต้องหาอุปกรณ์มาเพิ่มเติมด้านความปลอดภัย ความสมบูรณ์ของรถ
แต่เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ยังมีรายได้น้อย กำลังจะเริ่มสร้างฐานะ จึงต้องพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ให้คุ้มค่าที่สุด โดยจะดูจากคุณภาพของสินค้า และราคาที่เหมาะสม 
ปัจจัยการตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ของผู้บริโภคในด้านผลิตภัณฑ์ มีน้ำหนักมากที่สุด รองลงมาคือราคา การรับประกันสินค้า บริการหลังการขาย รูปแบบและความสวยงามของสินค้า ยี่ห้อสินค้า มีสินค้าครบ (หลากหลาย) และแหล่งผลิตสินค้าที่มาจาก ทั้ง สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น
ปัจจัยด้านราคา ที่นี่เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า ต่อรองราคาได้ และสินค้ามีราคาถูกว่าคู่แข่ง รูปแบบการชำระเงิน มีระบบเครดิต หรือเงินผ่อน
ส่วนแหล่งผลิตสินค้า เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าใจว่า อะไหล่ และส่วนประกอบรถยนต์เป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ก็เช่นกันจึงควรต้องเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศซึ่งจะต้องมีมาตรฐาน คุณภาพเป็นองค์ประกอบหลัก

คำสั่งให้ตำรวจ 12 นายที่มีชื่อรับส่วย ไปช่วยราชการ ไม่ได้เปิดโปงจากร้านค้า เพราะคงไม่มีพ่อค้าคนใดกล้าทะเลาะกับตำรวจ ที่มีอำนาจและกฎหมายในมือ แต่มาจากสมาชิก สปท.นำหลักฐานไปแสดงในที่ประชุมสปท.พร้อมระบุหน่วยงานว่า กลุ่มตำรวจ 191 เข้าไปเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการร้านจำหน่ายอะไหล่รถในพื้นที่ กทม. 
หลักฐานที่ สปท.เปิดเผยออกมา นั้น ตำรวจ 191 เรียกรับผลประโยชน์แบบรายเดือน แต่ไม่ได้ยืนยันว่า รับจากร้านเดียวหรือหลายรายในย่านวรจักร

ผบก.191 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล โยนว่า ตำรวจ 12 นาย เป็นชุดที่อยู่มาก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวน่าจะมีการกระทำผิดลักษณะมาแล้วหลายครั้ง โดยใช้อำนาจหน้าที่ เรียกรับเงินกว่า 800,000 บาท

การที่ตำรวจ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นับเป็นเรื่องที่ดี แต่จะเชื่อมั่นผลสอบสวนได้อย่างไร ว่าตำรวจจะไม่ช่วยกันปกปิดเรื่องนี้ 
คำถามคือ ทำไมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ส่งให้หน่วยปราบทุจริภาครัฐ คือ ป.ป.ท.สอบสวน และให้ป.ป.ท. สาวลึกต่อไปด้วยว่า ส่วย จัดส่งขึ้นไปถึงนายที่สูงกว่านี้หรือไม่ แล้วเป็นไปได้หรือไม่ที่หัวไม่สาย หางจะกล้ากระดิก