เจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 จะได้ไม่คุ้มเสีย!?

คราวนี้เป็นความคืบหน้าในระดับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ที่แสดงความเป็นห่วงว่า " จะได้ไม่คุ้มเสีย " เป็นการให้ข้อคิด ไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่จะต้องทำการบ้านให้หนักกับ "อภิมหาโปรเจค" เจ้าภาพร่วมจัดแข่งขันฟุตบอล 2034

ข้อห่วงใยจาก คุณกอบกาญจน์ อยู่ที่ มีตัวอย่างแล้วว่า การทุ่มเงินมหาศาล ลงไปกับการเป็นเจ้าภาพ มหกรรมกีฬา ที่หลายประเทศจัดขึ้นนั้น กลายเป็นว่าต้องแบกรับกับภาระหนี้สินที่ก่อเอาไว้โดยปริยาย

เพราะการลงทุนเพื่อให้ได้มา กับโอกาสของการเป็นเจ้าภาพ นั่นหมายถึงการเนรมิตรทุกอย่างให้เกิดความพร้อมสูงสุด และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จ กับการเป็นเจ้าภาพ ที่คาดหวังไปถึงผลกำไรนั้น ก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ

วันนี้สิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ ดำเนินการไปแล้วก็คือ การแสดงความพร้อมที่จะขอให้ไทยได้รับโอกาส ในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ร่วมกับประเทศอินโดนีเซีย เป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกัน ผ่านที่ประชุมคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน อันเป็นด่านแรก

แน่นอนว่ากระบวนการจากนี้ไปยัง มีอีกหลายขั้นตอนกว่า จะได้ข้อสรุป

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของอนาคตล้วนๆ ครับ เกินกว่าจะคาดเดาต่อสิ่งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไปทำข้อตกลงเอาไว้

เมื่อถึงขั้นตอนที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ชุดที่มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หมดวาระลง เมื่อจัดเลือกตั้งใหม่ หากเป็นคณะกรรมการชุดอื่น รับเลือกเข้ามา และไม่ใช่สายที่มาจากทางฟากของพล.ต.อ.สมยศ อภิหาโปรเจคนี้จะได้รับการสานต่อหรือไม่

เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนกับโอกาสในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ทั้งสิ้น

ถึงนาทีนี้แล้วผมเห็นว่า หากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ต้องการจะเอาจริงกับโครงการนี้ คงต้องเปิดวงเจรจา กับทุกฝ่ายร่วมกันก่อนก็น่าจะดีนะครับ

หมายถึงหารือกับตัวแทนของรัฐบาล ได้ไม่ได้กับการเป็นเจ้าภาพก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะโครงการนี้มันใหญ่เหลือเกินครับ เพราะนี่จะเป็นก้าวแรก ที่ทำให้เห็นว่าถึงที่สุดแล้วแนวคิดนี้ จะคุ้มค่าหรือไม่กับการเสนอตัวแป็นเจ้าภาพครับ