ไพ่ใบสุดท้าย ของ "โค้ชซิโก้"

เปิดบ้านรับมือกับทีม ชลบุรี เอฟซี ซึ่งหมายถึงมีทางเดียว ที่จะต้องทำให้ได้ก็คือ การที่ทีมการท่าเรือ เอฟซี " ต้องชนะ" เท่านั้น

เป็นการชนะ เพื่อให้ได้ไปต่อกับการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน ในถิ่นคลองเตย อย่างที่รับรู้กันครับ "โค้ชซิโก้" เข้ามารับงานในจังหวะที่เป็นรอยต่อ สถานการณ์ของการท่าเรือ เอฟซี หากประเมินไปที่ "ทรงบอล" ในยุคของ "จเด็จ มีลาภ"หัวหน้าผู้ฝึกสอน ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้าย และผลงานของ "สิงห์เจ้าท่า"ในยุคของ จเด็จ มีลาภ ก็สามารถที่จะต่อกรกับทีมใหญ่ได้ในแบบ "ไม่ธรรมดา"

แต่ก็อย่างว่าครับ "การท่าเรือ เอฟซี"คือ ทีมที่อยู่ภายใต้ การคุมทัพโดยคุณแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร ผู้ที่รู้ซึ้งถึงรสชาดของ"นรกไทยลีก" ได้เป็นอย่างดี เมื่อสมัยแรก กับการเข้ามาทำทีมการท่าเรือ เอฟซี คือการที่ต้องอยู่ในสภาพบอบช้ำ เมื่อการท่าเรือ เอฟซี ตกชั้นไทยลีก 2015
ดังนั้นสิ่งที่คุณแป้ง "เลือก" ที่จะ "เปลี่ยนม้ากลางศึก" ย่อมผ่านการตกผลึกในวิธีคิด ที่ถี่ถ้วนแล้ว แต่ฟุตบอลก็คือฟุตบอลครับ ไม่มีอะไรที่ง่าย

เพราะ 9 นัดของ "โค้ชซิโก้" สามารถเก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียว ถึงที่สุดแล้วแรงกดดันย่อมต้องย้อนกลับคืน ไปที่แม่ทัพในสนาม อย่าง "โค้ชซิโก้"

ที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ การมารับงานของ "เฮดโค้ช"การท่าเรือ เอฟซี เป็นการเข้ามาในจังหวะ ที่ทำอะไรได้มากนัก เพราะโครงสร้างทีมที่ถูกขับเคลื่อนไปจากทางโค้ชจเด็จ" ที่สไตล์การทำทีมแตกต่างกันไป และการเข้ามาของโค้ชซิโก้ เท่ากับว่ามันคือ การที่จะต้องมาจูนทีมใหม่ เพื่อให้สไตล์ของฟุตบอล เป็นไปในแบบที่ต้องการ

การลองผิด-ลองถูกเพื่อนำสไตล์ฟุตบอลแบบ "โค้ชซิโก้" มา ใช้กับการท่าเรือ เอฟซี ถึงนาทีนี้แล้ว มันอาจจะไม่สอดคล้องกับความรู้สึกของแฟนบอลการท่าเรือ เอฟซี ที่เริ่มรู้สึกว่า ทีมกำลังไม่ต่างไปจาก "เรือ" ทีถูกผลักให้ห่างออกไปจากฝั่งในแบบไม่มีทิศทาง

ที่สุดแล้วแรงกดดันจึงย้อนกลับไปหา "โค้ชซิโก้" จนเป็นที่มาของการทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ด้วยการพร้อมลาออกจากตำแหน่ง หากไม่สามารถเก็บแต้มในฐานะทีมเจ้าบ้าน ในเกมที่กำลังจะพบกับชลบุรี เอฟซี

ผมเชื่อว่าถึงขั้นนี้แล้ว "โค้ชซิโก้" ใส่ทุกอย่างลงไปกับเกมที่จะตัดสินอนาคตตัวเองมาลุ้นกันครับว่าจุดจบ จะเป็นอย่างไร