svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ในวันที่ "ซิโก้" ปล่อยวางทัพช้างศึก

31 มีนาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ถึงที่สุดแล้ว "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็แสดงท่าที ผ่านอินสตราแกรม ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นการแสดงออก หลังจากที่กระแสข่าวมาตลอดทั้งวันนี้ (31 มี.ค.)

หลังการส่งสัญญาณจากทางฟาก นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่พูดถึงเก้าอี้เฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย ว่าน่าจะชัดเจน ภายในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน!เส้นทางของ "โค้ชซิโก้" กับภารกิจคุมฟุตบอลทีมชาติไทย หากไล่เรียงแบบวันต่อวัน คงต้องไปตั้งต้นในบ่ายวันพุธที่ 29 มีนาคม ซึ่ง "โค้ชซิโก้" นำทีมชาติไทยกลับบ้านหลังจากจบภารกิจกับแมตช์ที่ 7 เกมคัดฟุตบอลโลก ที่ นำทีมออกไปเยือนญี่ปุ่น และไทยแพ้กลับมาด้วยสกอร์ 0-4 โค้ชซิโก้ ได้ขอความเห็นใจจากสังคมว่า ฟุตบอลทีมชาติไทย ไม่ต่างไปจาก "ช้างล้ม" และสิ่งที่ "เฮดโค้ชทีมชาติไทย" ต้องการเห็นก็คือ พลังใจจากทุกคนให้ช่วยกันพยุง "ช้างศึก" ลุกขึ้นมาเฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย นำคณะเดินทางกลับมา โดยมี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย สกล วรรณพงษ์ มาร่วมต้อนรับ พร้อมกับถ้อยคำ ที่เป็นกำลังใจว่า ฟุตบอลทีมชาติไทยได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โดยเฉพาะการสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี กับเกมที่พบญี่ปุ่น นอกจากผู้ว่า กกท. แล้ว ถ้อยคำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ถือเป็นน้ำใจ ที่เข้ามาหล่อเลี้ยงทัพช้างศึก ที่อยู่ในสภาพ "ช้างล้ม" โดยบอกว่า การสู้กับญี่ปุ่น ทำได้อย่างสมศักดิ์ศรี
แต่ผ่านไปเพียง 1 วัน ท่าทีที่มาจาก พล.ต.อ.สมยศ ในวันพฤหัสที่ 30 มีนาคม ก็เป็นความดุเดือด เมื่อ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ใช้คำที่สื่อแบบตรงไปตรงมาว่า ไม่สามารถ "งอมือ งอตีน" เช่นนี้ต่อไปได้ เป็นการแสดงออก ที่ชัดเจนว่า 2 แมตช์ กับศึกคัดฟุตบอลโลก ที่เสียไป 7 ประตู นับจากเปิดบ้านพบซาอุดิอาระเบีย แพ้ไป 3-0 และไปเยือนญี่ปุ่น เสียไปอีก 4 ประตู อยู่ในระดับเกินกว่าที่จะยอมรับได้

ในวันที่ "ซิโก้" ปล่อยวางทัพช้างศึก



เป็นบรรยากาศที่จะเห็นได้ว่า รอยต่อของ"ความรู้สึก" ที่ต้องบอกว่า ระหว่าง โค้ชซิโก้ กับ นายกสมยศ เกิดขึ้นเพียง 1วัน ที่ต่างฝ่าย ต่างแสดงจุดยืนออกมา อีกฝ่ายขอแรงใจ อีกฝ่ายต้องทำหน้าที่ผู้นำองค์กร ในบทบาทของหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ที่มีเดิมพันอยู่กับเกมคัดฟุตบอลโลก สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การถูกกำหนดเป้าหมาย จากสมาคมกีฬาฟุตบอล ก่อนการเซ็นสัญญา รับงานเป็นปีที่ 2 ว่า ตลอด 2 เกม นี้ จะต้องมีแต้มเกิดขึ้น อันหมายถึงแต้มที่จะต้องได้มาจากซาอุดิอาระเบีย และ ญี่ปุ่นความเชื่อมั่นของ โค้ชซิโก้ ก่อนการพบกับซาอุดิอาระเบีย ก็คือ ไทยจะใม่ใช่ทางผ่านอีกต่อไป และมันจะเป็นชัยชนะอย่างสมศักดิ์ศรี กับการเล่นในบ้าน คือ ราชมังคลากีฬาสถาน แต่ก็อย่างที่รับรู้ครับว่า ไทยแพ้เป็นหนที่ 2 ขณะที่เกมแรกกับการไปเยือน คือการเสียไป 1 ประตู ขณะที่เกมถัดมากับการไปเยือนญี่ปุ่น การออกตัวตั้งแต่ก่อนแข่งว่า มันจะเป็นงานที่หนัก ทีมชาติไทยยากที่จะสู้กับทีมชาติญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นที่ไปค้าแข้งอยู่กับทีมชั้นนำในยุโรปสิ่งที่ โค้ชซิโก้ ประเมินเอาไว้ก็เป็นจริงกับผลที่ออกมา และเมื่อกลับมาที่เก้าอี้ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ทุกอย่างกลับแตกต่างออกไป เพราะในขณะที่โค้ชซิโก้ เรียกร้องที่จะขอแรงใจจากทุกฝ่าย เพื่อพา"ช้างศึก"เดินหน้าต่อกับภารกิจในเส้นทางคัดฟุตบอลโลก ที่ยังมีอีก 3 เกม แม้ว่าสถานการณ์ของทีมชาติไทย คือการตกรอบไปเป็นที่แน่นอนแล้วก็ตามแต่แรงกดดันที่ก่อตัวขึ้น กับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ของโค้ชซิโก้ ว่าเหมาะสมหรือไม่ จากคนในวงการฟุตบอล และเมื่อมาผนวกเข้ากับความรู้สึกของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ที่ประกาศว่า จะไม่ "งอมือ งอตีน" อีกต่อไปกับผลงานฟุตบอลทีมชาติไทย นั่นก็ทำให้ที่สุดแล้วโค้ชซิโก้ เลือกที่จะลงจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นการวางมือ ก่อนที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะมีบทสรุปกับเรื่องนี้ ที่มีผลไปถึงการทำหน้าที่เฮดโค้ชทัพช้างศึกโดยตรง นับเป็นการเลือกที่จะก้าวลงอย่างสวยงาม แทนการถูกบังคับให้ลง

logoline