ช้างศึก ต้านไม่ไหว! โดนญี่ปุ่นรัว 4-0 ร่วงคัดบอลโลก

รายชื่อ 11 คนแรกของ ทีมชาติไทย มีการประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเอเอฟซี (www.the-afc.com) ปรากฎว่า "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ปรับระบบการเล่นจาก 5-3-2 มาเป็น 4-3-3 โดย 11 คนแรกของ ไทย ในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, แบ็กขวา ทริสตอง โด, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อดิศร พรหมรักษ์ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ, แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, กองกลาง ธนบูรณ์ เกษารัตน์, วัฒนา พลายนุ่ม, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ริมเส้นขวา สิโรจน์ ฉัตรทอง, ริมเส้นซ้าย ธีรศิลป์ แดงดา และกองหน้าตัวเป้า อดิศักดิ์ ไกรษร

เริ่มครึ่งแรกเพียง 8 นาที ชินจิ คางาวะ ยิงให้ ญี่ปุ่น ออกนำไทย 1-0 ต่อมานาทีที่ 20 ชินจิ โอกาซากิ โหม่งให้ ญี่ปุ่น นำห่าง ไทย เป็น 2-0 ก่อนหมดครึ่งแรก ทีมชาติญี่ปุ่น นำ ทีมชาติไทย อยู่ 2-0
เริ่มครึ่งแรกเพียง 8 นาที ยูยะ คูโบะ รับบอลจากกลางสนาม ไหลบอลให้ ชินจิ โอกาซากิ ทว่าจับบอลไม่ได้เข้าเท้า ชิจิ คากาวะ หลอกหนึ่งจังหวะ ก่อนยิงทะลุช่องตุงตาข่ายให้ญี่ปุ่นออกขึ้นนำเร็ว 1-0 ต่อมานาทีที่ 20 โฮตารุ ยามากูชิ เปิดบอลเข้ามา โอกาซากิ โฉบมาโหม่งเบียดเข้าเสาแรก กวินทร์หมดสิทธิ์เซฟเป็นประตูให้ญี่ปุ่นนำห่าง 2-0
เกมผ่านไป 34 นาที ไทยมีลุ้นจากการยิงเข้ากรอบครั้งแรกจากธีรศิลป์ แดงดา พลิกตัวยิงไปเสาสอง ทว่า ยังไม่ผ่านมือ อิจิ คาวาชิมา ที่พุ่งเซฟถูกทาง ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ไทยเกือบได้ประตูขึ้นนำ แต่ยังติดเซฟคาวาชิมา ก่อนจะหมดครึ่งแรก ญี่ปุ่นออกนำไทย 2-0

เริ่มเกมในครึ่งหลังไทยแก้เกมได้เตะมุม 3 ครั้งติดต่อกัน และมีโอกาสจากอดิศร พักบอลด้วยอก ซัดวอลเลย์ ติดบล็อก บอลเข้าทางชนาธิปซ้ำเต็มข้อยิงไปเสาแรก คาวาชิมา ปัดทิ้งได้อย่างหวุดหวิด และอีกครั้งจากสิโรจน์ ฉัตรทอง ลองยิง ทว่าบอลเหินข้ามคานออกไปนาที 57 ญี่ปุ่นได้ลูกทุ่มจากข้างสนาม ยูยะ คุโบะ จับบอลกระชากหนึ่งจังหวะ ก่อนจะยิงไกลเสียบใต้คานให้ซามูไร บลูส์ นำห่าง 3-0เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ฮอนดะ เปิดเข้ามา กรวิทย์ โหม่งบอลเปลี่ยนทิศเข้าเท้าคุโบะยิงเข้าเสาแรก ทว่ากวินทร์มาเซฟเซฟไว้ทัน ทว่า นาที 83 ญี่ปุ่นมาได้ประตูที่ 4 จากลูกโหม่งของมายา โยชิดะนาทีที่ 84 ไทยได้ลุ้นอีกครั้ง การจากทำฟาวล์ใส่ธีรศิลป์ ก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นมาสังหาร แต่โชคไม่เข้าข้าง คาวาชิมา พุ่งถูกทางเซฟไว้ได้ ก่อนจะจบเกม ญี่ปุ่นเปิดบ้านเอาชนะไทยไปได้ 4-0 ทำให้ ญี่ปุ่นเก็บ 3 แต้มแซงซาอุดิอาระเบียขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราวด้วย 15 คะแนน ส่วนทีมชาติไทยหมดสิทธิ์ลุ้นเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย
"โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีกับญี่ปุ่นที่ได้รับชัยชนะในวันนี้ รูปเกมทั่วไปวันนี้เรารู้ดีว่าต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง แม้จะวางเกมรับมาเหนียวแน่นแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นคมกว่า รวมถึงจุดเปลี่ยนที่จะเป็นประตู แต่เราทำไม่ได้ // แม้ครึ่งหลังจะแก้เกม เน้นประสานงานในแนวรุก พยายามสู้อย่างเต็มที่ แต่ญี่ปุ่นเฉียบคมในลูกที่ 3 และ 4 ก็เสียดายจุดโทษเหมือนกัน แต่ภาพรวมพอใจ เป็นประสบการณ์ที่ดี ก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป "มันเป็นเรื่องยากมาก เพราะแพ้ในบ้านมา 3-0 ก่อนเดินทางเด็กๆทุกคนผิดหวังมาก แต่วันนี้ทุกคนแสดงให้เห็นว่าพร้อมสู้เพื่อคนไทยทุกคน วันนี้น้องๆ ไม่มีใครบ่น ไม่มีเหนื่อย ทุกตำแหน่งไม่ถอดใจ วิ่งโดยไม่ท้อ ไม่เดิน แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นทุ่มเท ทั้งที่รู้ว่าเป็นเกมที่ยาก" "เราได้เรียนรู้กับทีมที่แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าความคมของไทยกับญี่ปุ่นนั้นต่างกัน เรามีโอกาสแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องเรียนรู้กันต่อไป แม้จะมีจุดโทษด้วย แต่ก็พลาด ซึ่งโทษใครไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ทำเต็มที่ และถือว่าทุกคนร้อยเปอร์เซ็นต์กับเกม" "จริงๆ เกมรุก-เกมรับของญี่ปุ่นไม่มีจุดอ่อนเลย เพียงแต่ว่าเด็กๆ อยากเล่นกับคนที่เก่งกว่า สิ่งที่จะพัฒนาต่อไปใน 3 เกมข้างหน้า จะทำทุกวิถีทางให้ทุกทีมต้องเจองานยากเมื่อเล่นกับเรา ถ้าเล่นได้อย่างวันนี้ ก็มีโอกาสต่อกรกับทุกทีมที่เหลือได้ เราต้องการสร้างความยากให้กับทุกทีม ฉะนั้น วันนี้ผ่านเกมนัดนี้แล้ว ก็จะทำทุกวีถีทางให้อีก 3 ทีม พบกับความยากลำบากในการไปรัสเซีย" ทั้งนี้ ทีมชาติไทยจะเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยในวันนี้ เวลาบ่ายสามโมง 5 นาทีณ สนามบินสุวรรณภูมิ และจะมีโปรแกรมศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 พบกับทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 8 มิถุนายน ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน