อย่างไรก็ตาม หาก พาณิภัค ผ่านรอบสองไปได้ ในรอบที่สาม หรือ รอบรองชนะเลิศ พาณิภัค มีสิทธิ์เข้าไปต่อกรกับ ลูซิย่า ซานิโนวิช จอมเตะตัวเก๋าจากโครเอเชีย ทั้งนี้ในรอบดังกล่าวถ้าหาก "น้องเทนนิส" พ่ายแพ้จะได้เหรียญทองแดงทันที แต่ถ้าหากเด็กไทยชนะไปได้ จะผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ พาณิภัค จะพบกับคู่ปรับเก่าคนสำคัญ คือ หวู จิน หยู อดีตเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย แถมยังมีดีกรีเป็นเบอร์ 1 ของโลก และเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการนี้ด้วย ซึ่งโอกาสที่นักเทควันโดของเราจะแพ้หรือชนะคง 50-50 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำลังใจและความฮึดเหิมในช่วงเวลานั้นด้วย เพราะเวลานี้ พาณิภัค พัฒนาตัวเองดีขึ้นมาก มีจังหวะการเข้าทำแต้มทั้งศรีษะและลำตัวค่อนข้างดีชัดเจน แถมในเรื่องของประสบการณ์และแรงปะทะไว้ใจได้ แม้ว่า สถิติที่ผ่านมา 2 ครั้งในรายการระดับนานาชาติ สาวไทยจะแพ้สาวไต้หวันรายนี้ แต่ ณ วินาทีนี้ พาณิภัค ได้แก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ และเสริมความแข็งแกร่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนรุ่นน้ำหนัก 58 กก.ชาย "เจ้าเทม" เทวินทร์ หาญปราบ เจ้าของเหรียญทองยูเออี.โอเพ่น ถูกจัดเป็นมือวางอันดับ 15 รายการ รอบแรกพบงานหนัก คือ คิม แท ฮุน มือวางอันดับ 2 จากเกาหลีใต้ แม้ว่า โอกาสค่อนข้างจะลำบากก็ตามที แต่ส่วนตัวแอบหวังว่า เทวินทร์ จะมีเซอร์ไพรส์ เพราะในเรื่องความฟิตและความตั้งใจมีเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ หากชนะในรอบนี้ไปได้รอบต่อไปไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่ ถึงขนาดมีสิทธิ์หยิบเหรียญรางวัลด้วย
ขณะที่รุ่นน้ำหนัก 57 กก.หญิง "น้องนก" พรรณนภา หาญสุจินต์ อดีตเหรียญทองซีเกมส์ เป็นมือวางอันดับ 15 เช่นกัน รอบแรกจะพบกับ เอบา กัลโบ โกเมซ มือวางอันดับ 2 จากสเปน โอกาสคงขึ้นอยู่กับเด็กไทยเองว่า จะใช้ประสบการณ์และความฟิตที่มีอยู่มากน้อยแค่ไหน โดย พาณิภัค กับ เทวินทร์ จะลงแข่งขันในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ส่วน พรรณนภา ลงชิงชัยวันที่ 18 สิงหาคม
"บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ยังกล่าวอีกว่า ถึงตอนนี้ต้องยอมรับว่า ทุกคนที่ผ่านเข้ามาถึงโอลิมปิกเกมส์ได้นั้นฝีมือไม่ธรรมดาเลย ดังนั้นไม่สามารถประมาทใครได้เป็นอันขาด ทุกรอบที่ลงแข่งขันมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่า พาณิภัค เองจะเป็นมือวางอันดับ 2 แต่ก็ไม่สามารถไปกำหนดได้ว่า ผ่านเข้ารอบไปแล้วจะเจอใครจากชาติไหน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นสำหรับกีฬาต่อสู้ ยิ่งอาการบาดเจ็บถือว่า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทางทีมงานสตาฟฟ์โค้ชต้องคอยดูแลเป็นอย่างดี รวมไปถึงเรื่องกฏกติกาต่างๆต้องศึกษาให้ละเอียดรอบครอบ เพื่อเป็นประโยชน์กับทัพเทควันโดไทยเอง ส่วนตัวยังมั่นใจว่า เทควันโดจะต้องมีเหรียญรางวัลมาฝากพี่น้องชาวไทยเหมือนโอลิมปิกทุกสมัยที่ผ่านมา แต่จะเป็นสีอะไรนั้นคงต้องติดตามเชียร์และให้กำลังใจกันต่อไป