หลังจากที่องค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก หรือ "วาด้า" ได้ตรวจพบการใช้สารกระตุ้น ในนักกีฬารัสเซีย ระหว่างปี 2011 ถึง 2015 โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ด้านกีฬาของรัสเซีย มีส่วนรู้เห็น ทำให้นักกีฬารัสเซียกว่า 500 คน รอดพ้น
การตรวจพบ "สารกระตุ้น" เป็นที่มาของการเสนอให้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี สั่งห้ามนักกีฬารัสเซียเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ในเดือนสิงหาคม กระทั่งสหพันธ์กรีฑานานาชาติ มีคำสั่ง ห้ามนักกรีฑารัสเซีย 67 คน เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก ตามด้วยสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ และสหพันธ์เรือพายโลก ได้สั่งแบนนักกีฬารัสเซีย 10 คน แบ่งเป็นว่ายน้ำ 7 คน และเรือพาย 3 คน รวมเป็น 77 คน
แต่ล่าสุด สหพันธ์กีฬาชนิดต่างๆ ของโลกได้สั่งแบนนักกีฬารัสเซีย อีก 31 คน รวมเป็นทั้งหมด 108 คน แบ่งเป็น วอลเลย์บอล 1 คน, มวยปล้ำ 1 คน, เรือพาย 19 คน, เรือแคนู 5 คน, เรือใบ 1 คน ปัญจกีฬาสมัยใหม่ 2 คน และยกน้ำหนัก 2 คน ที่จะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล
สำนักข่าว บีบีซี ของอังกฤษ รายงานว่า ประธานาธิบดีบราซิล นางดิลมา รูสเฟซที่ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ ประกาศท่าทีจะไม่ไปร่วมในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2016 หรือ ริโอเอเกมส์ ที่บราซิล เป็นเจ้าภาพ
ขณะที่ อดีตประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อีนาซีโอ ลูลา ดา ซิลวา ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้บราซิลได้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ ต่างก็ปฏิเสธรับคำเชิญเข้าร่วมในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ นางรุสเซฟ กำลังอยู่ระหว่างเผชิญกระบวนการถอดถอนออกจากตำแหน่งในรัฐสภา และหากแพ้คดีก็อาจหลุดจากตำแหน่ง หลังจบการแข่งขัน ส่วนลูลา ดา ซิลวา กำลังถูกสอบสวนในข้อหาทุจริต
ก่อนหน้านี้ รุสเซฟ บอกว่า เธอควรได้อยู่ในพิธีประวัติศาสตร์เคียงข้าง ลูอิซ อีนาซีโอ ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดี เพราะการที่บราซิลได้เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก ก็เป็นเพราะการทุ่มเท ของรัฐบาลที่ทั้งคู่เป็นหัวหน้า
นักการทูตกล่าวว่า หากในพิธีเปิด มีทั้งผู้นำรักษาการและผู้นำที่อาจถูกปลด คงจะสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับแขกผู้มีเกียรติต่างชาติ ที่มาร่วมพิธีเปิด