สำหรับเส้นทางโปรตุเกสสู่แชมป์ยูโร 2016 นั้น ยิ่งกว่าดราม่า มากกว่าเทพนิยายใดๆ ในรอบแรก โปรตุเกส ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศมาเมื่อปี 2004 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพแต่แพ้กรีซ 0-1 โชว์ฟอร์มไม่ดีนักในรอบแรกจากการเสมอทั้ง 3 นัดกับ ไอซ์แลนด์ 1-1, ออสเตรีย 0-0 และ ฮังการี 3-3 มี 3 คะแนนได้อันดับ 3 ของกลุ่ม และเข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับ 3 ที่มีคะแนนแย่ที่สุดในบรรดา 4 ทีม
ก่อนจะมาชนะ โครเอเชีย 1-0 ในช่วงต่อเวลาของรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ชนะโปแลนด์ด้วยการยิงจุดโทษหลังเสมอ 1-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
และมาเอาชนะ เวลส์ 2-0 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทีมฝอยทอง ชนะทีมคู่แข่งใน 90 นาที
ในรอบชิงชนะเลิศ พบกับทีมตราไก่ฝรั่งเศส ที่เป็นเจ้าภาพศึกยูโรครั้งนี้ บรรดากูรูทั่วโลกส่วนใหญ่ฟันธงว่า ฝรั่งเศษจะคว้าแชมป์ โปรตุเกสจะอกหักซ้ำในรอบชิงอีก เพราะฝรั่งเศสนั้นได้เปรียบกว่ามากทั้งการเป็นเจ้าภาพ เสียงเชียร์ในสนาม ความสามารถของนักเตะ และระบบการเล่น
เมื่อเริ่มเกมนัดชิงชนะเลิศ นักเตะฝรั่งเศสเป็นฝ่ายคุมเกมในแดนกลางได้เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล และการวิ่งบีบแย่งบอล ขณะที่โปรตุเกสมีปัญหาการบาดเจ็บของ โรนัลโด้ ที่ถูก ปาเยต์ อัดเข้าที่หัวเข่าในช่วงต้นเกม แต่กัปตันทีมโปรตุเกสยังฝืนเล่นต่อ ก่อนที่ เจ้าโด้ ต้องยอมถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 25 ดูเหมือนโชคชะตาทุกอย่างจะเป็นใจให้ฝรั่งครองแชมป์อีกสมัย
แต่แล้ว นาทีที่ 109 ของการแข่งขัน โปรตุเกสได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการยิงของ "เอแดร์" ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมา กลายเป็นประตูชัยให้ โปรตุเกส พิชิต เจ้าภาพฝรั่งเศส ไป 1-0 คว้าแชมป์ยูโรไปครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์