svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

อนาคตบอลไทยใต้ยุค“สมยศ”

12 กุมภาพันธ์ 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

3 เดือนเต็มกับความวุ่นวายของการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จบสิ้นลงแล้ว เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ซึ่งผู้ที่ได้รับการชูมือคือ บิ๊กอ๊อด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ



62 จาก 68 สโมสร (ขาด 4 ทีมไม่มาใช้สิทธิ์) เข้าคูหากาหมายเลข 2 ไว้วางใจให้ พล.ต.อ.สมยศ ได้ทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งถือเป็นคนที่ 17 ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ ยังเป็นนายตำรวจคนที่ 3 ที่ได้เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อจาก พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ยมนาค และ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศนอกจากนั้น อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และสภากรรมการ ยังเป็นทีมงานของ บิ๊กอ๊อด ที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด แน่นอนว่าการเข้ามาของ บิ๊กอ๊อด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทย เพราะก่อนหน้านี้ บังยี วรวีร์ มะกูดี ดำรงตำแหน่งผู้นำลูกหนังไทยมานานถึง 4 สมัย หรือ 8 ปี ซึ่งได้สร้างความเจริญให้แก่ฟุตบอลไทยมากมาย
ขณะเดียวกันก็มีความผิดพลาดในการบริหารงาน รวมไปถึงรอยร้าวที่เกิดขึ้นระหว่างขั้วอำนาจเดิมกับผู้ท้าชิง ที่ระหองระแหงกันมาตลอดในช่วง 4-5 ปีหลัง ทำให้ บิ๊กอ๊อดที่มี เนวิน ชิดชอบ คนดังแห่ง จ.บุรีรัมย์ ให้การสนับสนุน ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคม เพื่อหวังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลไทย และนั่นทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เต็มไปด้วยการแข่งขันที่สูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาบิ๊กอ๊อด ประกาศตัวลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หลังจากที่ บังยี วรวีร์ มะกูดี ถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า สั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล แต่ก็มีคู่แข่งอย่าง อ.หรั่ง ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน, บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจกุล, ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, พินิจ สะสินิน และ พ.ต.ท.ชัยทรัพย์ ธรัช ฤทธิ์เต็ม เป็นหอกข้างแคร่ในการเลือกตั้งหนนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยสโลแกน 5 แฟร์ คือ 1.แฟร์ กับการบริหารสมาคมที่ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ยุติธรรม ตรวจสอบได้ 2.แฟร์ กับเรื่องรายได้ต้องตรวจสอบได้ ทุกฝ่ายต้องรับรู้ว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเป็นอย่างไร 3.จะต้องจัดสรรสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สมาชิกพึงจะได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน 4.แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรม กรรมการตัดสินให้เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง ที่จะต้องได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา พัฒนาศักยภาพผู้ตัดสิน และเสริมสร้างจริยธรรมวิชาชีพผู้ตัดสินควบคู่กับการปรับโครงสร้างรายได้ของผู้ตัดสิน และ 5.แฟร์สุดท้าย เพื่อเปิดโอกาสให้สโมสรต่างๆ ส่งนักเตะเข้าฝึกอย่างเท่าเทียมกัน
จากนโยบาย 5 แฟร์ เหมือนเป็นสิ่งที่รัดตัว บิ๊กอ๊อด ให้ทำตามนโยบายของตัวเอง เพราะนี่คือสิ่งที่แฟนบอลไทยอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด แน่นอนว่าชื่อเสียงของ บิ๊กอ๊อด และนโยบายต่างๆ ที่ประกาศออกมา หากทำได้จริงก็จะเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลไทยได้อย่างแน่นอน
1. แฟร์ กับการบริหารสมาคม ที่ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ยุติธรรม ตรวจสอบได้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบริหารงาน เพราะที่ผ่านมาฟุตบอลไทยเจอปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด
2. แฟร์ กับเรื่องรายได้ต้องตรวจสอบได้ ทุกฝ่ายต้องรับรู้ว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าเม็ดเงินที่ผ่านสมาคม มีมูลค่าหลายร้อยหลายบาท ดังนั้นจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำเม็ดเงินดังกล่าวมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างทั่วถึง
3. จัดสรรสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่สมาชิกพึงจะได้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งทุกทีมจะได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม โดยที่ บิ๊กอ๊อด ยืนยันว่าจะทำให้ทุกทีมยอมรับ โดยเฉพาะทีมที่ไม่สนับสนุนตน
4. แฟร์ ในเรื่องการตัดสิน ปฏิรูปผู้ตัดสินให้เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง ที่จะต้องได้รับความเชื่อถือ ศรัทธา พัฒนาศักยภาพผู้ตัดสิน และเสริมสร้างจริยธรรมวิชาชีพผู้ตัดสินควบคู่กับการปรับโครงสร้างรายได้ของผู้ตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาของฟุตบอลลีกเมืองไทยก็ว่าได้ เนื่องจากการปฏิบัติงานของผู้ตัดสินมักมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
5. เปิดโอกาสให้สโมสรต่างๆ ส่งนักเตะเข้าฝึกอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นของวงการฟุตบอล
นอกจากนั้นยังมีเรื่องอื่นๆ ที่รอให้นายกสมาคมฟุตบอลฯ คนใหม่เข้ามาแก้ไขและสานต่อความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของ ทีมชาติไทย ที่ใกล้ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย, เยาวชน 16 ปี และ 19 ปี ที่เข้ารอบสุดท้าย ชิงแชมป์เอเชีย 2016, ตั๋วผี รวมถึงฟุตบอลลีกที่มีปัญหายุ่งเหยิงทุกสัปดาห์
ทันทีที่ได้รับชัยชนะ พล.ต.อ.สมยศ ได้ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า จะดำเนินตามนโยบายที่ตนเองวางเอาไว้ และจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารงานในวงการลูกหนังใหม่หมดไล่จาก ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก, ประธานดิวิชั่น 2, ประธานผู้ตัดสิน, บอร์ดบริหารไทยพรีเมียร์ลีก จะยกเครื่องกันใหม่หมด แถมอะไรที่เคยรกรุงรัง เป็นที่สงสัยของสังคมก็จะ รื้อพรม มาดูว่ามีเศษฝุ่นเกาะอยู่มากน้อยแค่ไหน
จะมีข้อยกเว้นก็แค่ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยรายเดียว ที่จะยังคงรักษาตำแหน่งของตัวเองได้อย่างมั่นคง ตามสโลแกนที่ บิ๊กอ๊อด ย้ำว่า อะไรที่ดีอยู่แล้วก็จะเก็บไว้ อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันใหม่
ดังนั้น จึงเรียกได้ว่าการเข้ามาของ พล.ต.อ.สมยศ คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฟุตบอลไทย ซึ่งเชื่อว่าจะแตกต่างไปจากเดิม แต่จะเปลี่ยนไปในทิศทางใด ต้องรอดูอีก 4 ปี กับวาระการทำงานของนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ชื่อ บิ๊กอ๊อด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง !!!

logoline