ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับการเปิดเผยว่า แม้ว่าตนจะสนับสนุนแนวคิดนี้ แต่ล่าสุดได้มีกระแสมาจากหลายจังหวัดที่ เกิดความหวงแหนไม่อยากถ่ายโอนสนามคืนให้กับ กกท. เพราะหลายแห่งได้มีการลงทุนในเชิงพาณิชย์ไปแล้ว
"เวลานี้เท่าที่ทราบมีหลายจังหวัดเกิดกระแสต่อต้าน โดยเฉพาะสนามที่ได้ลงทุน ในเชิงพาณิชย์ไปแล้ว จะเสียผลประโยชน์ ดังนั้นเมื่อทาง กกท.มีแนวคิดว่าจะถ่ายโอนมาดูแลเอง ก็จะเหมือนโดนขับไล่ ทำให้เกิดกระแสดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่ง กกท.เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะสนามกีฬาเหล่านี้ถ่ายโอนให้แต่ละจังหวัดดูแลกันเองมานานถึง12 ปี" นายสกล กล่าว
ผู้ว่าการ กกท. กล่าวถึงทางออกในการแก้ไขปัญหาว่า ได้กำชับไปยังกกท.ภูมิภาคให้ชี้แจงให้กับทุกสนามกีฬากลางแต่ละจังหวัดรับทราบแล้วว่า หากกกท.ต้องเข้าไปดูแลนั้น ถ้ามีการลงทุนในสนามกีฬาจังหวัดไปแล้ว กกท.ยังให้ดำเนินการเหมือนเดิม แต่อาจจำเป็นต้องมีการทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษรแบ่งสัดส่วนในการบริหารงานร่วมกัน เพราะสนามกีฬากลางแต่ละจังหวัดเหล่านี้กกท.ต้องการพัฒนาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาของประชาชนทั่วไป การเฟ้นหาช้างเผือกและสร้างนักกีฬาเยาวชนเพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นทีมชาติอย่างแท้จริง รวมทั้งการบริหารจัดการให้สนามอยู่ได้ด้วยตนเองอีกด้วย