บุรีรัมย์-ชลบุรี ล่าแชมป์ไทยลีก

การลุ้นแชมป์ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีแต้มนำ ชลบุรี 1 คะแนน ดังนั้นเกมนี้หาก บุรีรัมย์ ชนะ ก็จะคว้าแชมป์ทันที ทว่าหากสุดท้ายแต้มเท่ากันกรณีที่ บุรีรัมย์ แพ้ และ ชลบุรี เสมอ ต้องมาวัดที่ เฮด ทู เฮด ซึ่งปรากฎว่า ทั้งคู่ผลัดกันแพ้-ชนะ ต้องมาดูที่จำนวนเกมที่ชนะ ปรากฎว่า บุรีรัมย์ ชนะมากกว่า จะทำให้ ปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่การหนีตกชั้นมี 4 ทีม คือสิงห์ท่าเรือ (หลังตัด 9 คะแนน) จะเหลือ 42 คะแน, ทีโอที มี 42 คะแนน, ชัยนาท มี 43 คะแนน และเพื่อนตำรวจ มี 43 คะแนน โดยหากทั้ง 4 ทีมมีผลการแข่งขันที่เหมือนกันทั้งหมดสิงห์ท่าเรือจะตกชั้น
สำหรับปราสาทสายฟ้า จ่าฝูงที่มี 76 คะแนน เปิดสนามไอ โมบาย รับการมาเยือนของ เพื่อนตำรวจ อันดับ 14 ที่มี 43 คะแนน ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต เอชดี 2 และทรู 4 ยู เกมนี้เจ้าถิ่นไม่มีปัญหาในการจัดทัพ แม้ ฆาเบียร์ ปาติโญ จะบาดเจ็บจากเกมล่าสุด แต่ผ่านความฟิตกลับมาลงสนามล่าตาข่ายคู่กับ คาร์เมโล กอนซาเลซ ได้อย่างแน่นอน โดยมี สุเชาว์ นุชนุ่ม ทำเกม ส่วน เพื่อนตำรวจ ที่ต้องการชัยชนะ เพื่อการันตีการอยู่รอดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะไม่มี ธีรพงศ์ ดีหามแห กองกลางดาวรุ่งที่โดนแบน แต่ไม่น่าใช่ปัญหา เพราะตัวหลักอย่าง ปกเกล้า อนันต์, ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย, ธนพัฒ ณ ท่าเรือ พร้อมลงสนามทั้งหมด
ด้าน ชลบุรี รองจ่าฝูงมี 75 คะแนน เฝ้ารังชลบุรี สเตเดียม พบ ทีโอที อันดับ 16 มี 42 แต้ม ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต เอชดี 3 เกมนี้ ชลบุรี ขาด คาซูโตะ คูชิดะ ที่บาดเจ็บ และ แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส กับ นูรูล ศรียานเก็ม ที่ติดโทษแบน ส่วน อดุล หละโสะ ต้องเช็คความฟิต แต่จะได้ ติอาโก คุนญา พ้นโทษแบนกลับมาล่าตาข่ายอีกครั้ง ด้าน ทีโอที ที่เดิมพันการอยู่รอดของสโมสร หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าหากตกชั้นจะยุบทีมแน่นอน โดยเกมนี้หากชนะจะรอดตกชั้นทันที เนื่องจาก เฮด ทู เฮด ดีกว่า สิงห์ท่าเรือ แต่จะขาด นพพล ผลอุดม ที่ติดโทษแบน นอกนั้นพร้อมลงสนามและคาดว่าจะใช้ชุดใหญ่เต็มสตรีม
ขณะที่ สิงห์ท่าเรือ ที่หล่นมาอยู่อันดับ 16 หลังตัด 9 แต้มแล้ว มี 42 คะแนน เปิดแพท สเตเดียม พบ ศรีสะเกษ อันดับ 13 มี 46 คะแนน รอดตกชั้นไปแล้ว ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต 2 เจ้าบ้านจำเป็นต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น และลุ้นให้ ทีโอที ไม่ชนะ จะทำให้รอดตกชั้นทันที และเกมนี้สามารถขัดชุดใหญ่ลงสนามได้ครบครัน ส่วน ศรีสะเกษ เตรียมส่ง โจ้ 5 หลา ศรายุทธ ชัยคำดี อดีตดาวยิง เจ้าท่า ลงสนามเจอทีมเก่าตัวเอง
ส่วน แอร์ฟอร์ซ รองบ๊วยที่มีเพียง 29 แต้ม ตกชั้นไปแล้ว เล่นที่สนามธูปะเตมีย์ พบ ชัยนาท อันดับ 15 มี 43 คะแนน ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต 6 เจ้าถิ่นไม่มีลุ้นอะไรแล้วแต่เชื่อว่าจะส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามเพื่อตอบแทนแฟนบอล ส่วน ชัยนาท ที่หากชนะก็จะรอดตกชั้นทันที จะขาด สุรเชษฐ์ งามทิพย์ ที่โดนแบน ส่วนนายทวารมือ 1 และ 2 กฤษกร เกิดผล กับ พิทวัส จำนงค์ชอบ ต้องเช็คความฟิตทั้งหมด หากลงไม่ได้ เฉลิมเกียรติ สมบัติปัน จะเฝ้าเสาแทน ขณะที่คนอื่นๆ พร้อมลงสนามทั้งหมด
ขณะที่โปรแกรม 6 คู่ที่เหลือ ปตท.ระยอง อันดับ 17 พบ บางกอกกล๊าส อันดับ 11 ที่สนามพีทีที ถ่ายทอดสดทางทรูวิชันส์ 694, เชียงราย ยูไนเต็ด อันดับ 7 พบ บีอีซี เทโรศาสน อันดับ 4 ที่สนามยูไนเต็ด ถ่ายทอดสดทางทรูวิชันส์ 352, สมุทรสงคราม อันดับ 20 พบ ราชบุรี อันดับ 5 ที่สนามกีฬา จ.ราชบุรี ถ่ายทอดสดทางทรูวิชันส์ 695, สุพรรณบุรี อันดับ 6 พบ สงขลา ยูไนเต็ด อันดับ 18 ที่สนามกีฬา จ.สุพรรณบุรี ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต 7, เอสซีจี เมืองทองฯ อันดับ 3 พบ แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับ 8 ที่สนามเอสซีจี ถ่ายทอดสดางทรูสปอร์ต 5 และอาร์มี ยูไนเต็ด อันดับ 10 พบ โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี อันดับ 12 ที่สนามกีฬากองทัพบก ถ่ายทอดสดทางทรูวิชันส์ 358
ทั้งนี้ การมอบถ้วยแชมป์ซึ่งถือว่า เป็นการปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จะใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นยานพาหนะในการนำถ้วยแชมป์ไปมอบให้ทีมชนะเลิศ ณ สนามแข่งขัน ระหว่าง ไอ โมบาย ของ บุรีรัมย์ หรือ ชลบุรี สเตเดียม ของ ชลบุรี โดยถ้วยแชมป์จะไปถึงสนามหลังจบเกมไม่เกิน 30 นาที ส่วนพิธีการจะเป็นอย่างเรียบง่าย
สำหรับ เอสซีจี เมืองทองฯ คือทีมที่คว้าแชมป์ลีกมากที่สุด 3 สมัย ดังนั้นหาก บุรีรัมย์ คว้าแชมป์ปีนี้มาครองได้สำเร็จจะเป็นการป้องกันแชมป์และคว้าแชมป์สมัยที่ 3 มาครอง มากที่สุดเทียบเท่ากับ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทองฯ ขณะที่ ชลบุรี เคยได้แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก 1 สมัย เมื่อปี 2550 ดังนั้นหากคว้าแชมป์มาครองได้ในปีนี้ จะเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในรอบ 7 ปี ซึ่งทีมแชมป์ฤดูกาลนี้จะได้สิทธิ์เตะฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนลีกส์ 2015 รอบแบ่งกลุ่ม ทันที