"หลุยส์ ซัวเรซ" คืนทัพนัด "เอล กลาซิโก"

ก่อนเกมนี้ มาดริด ชนะต่อเนื่อง 8 นัดรวด รวมทุกรายการ และยิงรวมถึง 35 ประตู ใน 720 นาที หรือทุก 20 นาทีครึ่งจะยิงได้ 1 ประตู ล่าสุดเพิ่งบุกชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 3-0 ถึงสนามแอนฟิลด์ ในถ้วยยูฟา แชมเปียนส์ลีก
แต่คืนนี้ "คาร์เล็ตโต" คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์อิตาเลียน จะยังคงไม่มี เฆเซ โรดริเกซ, ฟาบิโอ โคเอนเทรา และ แกเร็ธ เบล ที่ยังเจ็บ ส่วน ซามี เคดิรา ฟิตกลับมาลงเป็นตัวสำรองในเกมชนะ ลิเวอร์พูล ได้แล้ว อีกทั้ง เซร์คิโอ รามอส กองหลังสารพัดประโยชน์ ก็กลับมาลงซ้อมได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดี น่าจะมีชื่อในเกมนี้ อยางน้อยที่ม้านั่งสำรอง เพราะ เปเป้ ที่จับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ ราฟาเอล วาราน ระหว่าง รามอส เจ็บ ก็เข้าขากันขึ้นมาก แต่ในตำแหน่งแบ็กขวา ดาเนียล การ์บาฆัล อาจกลับมาเป็นตัวจริงแทน  อัลบาโร อาร์เบลัว 
ส่วนแนวรุก แม้ยังไม่มี เบล ปีกเลือด "มังกรแดง" เวลส์ แต่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ยิงไปแล้ว 20 ประตู จาก 13 เกม รวมทุกถ้าวย จะเป็นตัวหลักร่วมกับ คาริม เบนเซมา กองหน้าฝรั่งเศส ที่เพิ่งยิงคนเดียว 2 ประตู ในเกมชนะ "หงส์แดง"
ด้าน บาร์เซโลนา ของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก ก็ชนะมาแล้ว 5 รวด รวมทุกรายการ อีกทั้งในลาลีกา นอกจากจะนำอันดับ 1 แล้ว แม้จะยิงแค่ 20 ประตู น้อยกว่า มาดริด แต่ก็เป็นทีมเดียวในลีก ที่ยังไร้พ่าย และยังไม่เสียแม้แต่ประตูเดียวจาก 8 เกมแรก  ส่วนเกมล่าสุด ก็เพิ่งชนะ อาแจ็กซ์ 3-1 ในถ้วยยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
แต่เกมนี้ จะไม่มี โธมัส แฟร์มาเลน และ อาเดรียโน กอร์เรอา ที่ยังเจ็บ และต้องรอเช็คฟิต ดักลาส เปเรยรา กับ ราฟินญา
แต่ข่าวดีในเกมนี้คือ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าอุรุกวัย พ้นโทษห้ามแข่ง 4 เดือน จาก "ฟีฟา" สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ กลับมาลงสนามเป็นเกมแรกได้แล้ว รวมถึง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่ไม่ฟิตในเกมกลางสัปดาห์ กลับมาได้แล้วเช่นเดียวกับ เฌเรมี มาติเยอ และ เคลาดิโอ บราโว ดังนั้นเมื่อรวมกับผู้เล่นตัวหลักคนอื่น อาทิ ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์, อันเดรียส อิเนียสตา และ อิวาน ราคิติช ถือได้ว่าเกมนี้ "บาร์ซา" มาเยือนด้วยสภาพพร้อมรบเต็มที่