การแข่งขันฟุตบอลชาย กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 "อินชอนเกมส์" ที่สนามมุนฮัค เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นรอบรองชนะเลิศ ระหว่าง "ช้างศึก" ทีมชาติไทย พบกับ "เจ้าภาพ" เกาหลีใต้ ซึ่งทีมชาติไทยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เหรียญรางวัลในรายการนี้ ตั้งเป้าว่าจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้
ก่อนเกมเกมแฟนบอลชาวไทยต่างทยอยเดินทางมารวมตัวกันเพื่อเตรียมเข้าไปให้กำลังใจนักเตะไทยในสนามมากกว่า 2 พันคน ขณะที่แฟนบอลเจ้าถิ่นพาเหรดเข้าชมเกมนี้หลายหมื่นคน ทำให้บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ก่อนเกมเกมนี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ส่ง 11 คนแรก ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม, อดิศร พรหมรักษ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ ริมเส้นซ้าย เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ริมเส้นขวา นูรูล ศรียานเก็ม และกองหน้า อดิศักดิ์ ไกรษรเริ่มเกม เกาหลีใต้เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกกดดันเข้าใส่อย่างหนัก และมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวในนาที 19 จาก ซอน จุน โฮ ที่สับไกระยะ 20 หลา บอลแฉลบ อดิศร พรหมรักษ์ เปลี่ยนทางเข้าหากรอบประตู ทว่า กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารทีมไทย พุ่งมาปัดไว้ได้ทันพอดี และนาที 29 กวินทร์ ช่วยเซฟประตูให้ไทยอีกครั้ง เมื่อออกมาบล็อกลูกยิงของ คิม จิน ซู เอาไว้ได้
จนถึงนาที 41 เกาหลีใต้ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ ริม ชาง วู โยนบอลจากฝั่งขวามาเสาแรก และเป็น ลี จุง โฮ ที่ขึ้นโหม่งระยะ 6 หลา บอลเช็ดเสาสองเข้าไป จากนั้นอีกแค่ 2 นาที สถานการณ์ของไทยก็แย่ลงอีก เมื่อเสียลูกจุดโทษ เมื่อ นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม ไปกระแทก ลี แจ ซุง นอกกรอบเขตโทษ ทว่าผู้ตัดสินกลับเป่าให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่น และเป็น จัง ฮยุน ซู รับบทเพชฌฆาตสังหารตุงตาข่าย ให้เกาหลีใต้ นำ 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกที่สกอร์นี้ครึ่งหลัง ไทยแก้เกมมาได้ดีมีลุ้นประตูตีไข่แตกหลายครั้ง นาที 61 พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ปั่นฟรีคิก 25 หลา บอลไปตกตาข่ายหลังประตู และ 2 นาทีถัดมา นูรูล ศรียานเก็ม ได้โอกาสวอลเลย์เต็มข้อ บอลเหินข้ามคานออกไปอีก ก่อนที่นาที 69 ชาริล ชัปปุยส์ จะกระชากบอลเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลตรงตัว คิม ซวง ยู ทุบทิ้งออกมาได้อีกจากนั้นเกมยังเป็นของไทยที่เปิดเกมรุกอย่างหนัก นาที 79 ชนาธิป สรงกระสินธ์ ยิงไกลหน้าเขตโทษ คิม ซอง ยู นายทวารเจ้าถิ่นปัดทิ้งปลายมือ เวลาที่เหลือแม้ไทยจะโหมหนักแต่ยิงประตูตีไข่แตกไม่ได้ จบเกมทีมไทยเป็นฝ่ายแพ้ 0-2 ส่งผลให้ทีมชาติไทยชวดเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ จากความพ่ายแพ้เกมนี้ของทีมชาติไทยทำให้ยอดเงินอัดฉีดยังอยู่ที่ 13.3 ล้านบาทเท่าเดิมหลังการแข่งขัน "ซิโก้" กล่าวแสดงความยินดีกับเกาหลีใต้ และยอมรับว่าโสมขาวเป็นทีมที่แข็งแกร่ง แต่ตนเองภูมิใจในตัวลูกทีมทุกคนที่สู้อย่างเต็มที่ และเกมนี้พิสูจน์ให้เห็นว่านักเตะไทยไม่ได้กลัวเกาหลีใต้แต่อย่างใดเรามาเสียประตูและลูกจุดโทษ ซึ่งผมมองไม่ชัดเจน แต่ลูกทีมบอกว่าเป็นการทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษแน่นอน แต่นี่คือฟุตบอล และเราต้องมองเกมกับอิรัก ในการชิงอันดับ 3 ซึ่งแน่นอนว่าเรายังหวังได้เหรียญทองแดง ส่วนเกาหลีใต้ ผมอยากให้พวกเขาได้แชมป์ แต่จะต้องไม่มีลูกจุดโทษถึงจะเป็นแชมป์อย่างมีศักดิ์ศรี
ด้าน บังยี วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอล กล่าวชื่อชมนักเตะไทยว่าเล่นกันได้ดี แต่โชคไม่ดีที่เสียลูกแรก ส่วนเรื่องที่เสียจุดโทษนั้นคงต้องกลับไปดูภาพช้าอีกครั้งว่าเป็นการตัดสินที่ถูกต้องหรือไม่ และต้องรอรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขันด้วย หากไม่ถูกต้องก็อาจจะทำเรื่องแจ้งไปยังคณะกรรมการผู้ตัดสินต่อไปผมคิดว่านักเตะของเราทำหน้าที่ได้ดีแล้วในนัดนี้สมาคมฟุตบอลจึงมอบเงินอัดฉีดเพิ่มให้อีก 1 ล้านบาท รวมกับของเดิมอีก 8.3 ล้านบาท ทำให้ถึงตอนนี้สมาคมฟุตบอลประกาศอัดฉีดทีมชุดนี้ไปแล้ว 9.3 ล้านบาท หากเมื่อรวมกับที่ บ.โหลทอง โฮลดิ้ง ให้อีก 5 ล้านบาท จากการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ทำให้จำนวนเงินรวมเป็น 14.3 ล้านบาทแล้ว ส่วนรอบชิงเหรียญทองแดง ผมคิดว่าเจอกับอิรัก จะเป็นเกมที่ง่ายกว่า เพราะนักเตะของเราจะไม่เพรสซิ่งเร็ว ซึ่งผมหวังที่จะให้ทีมของเรามีเหรียญคล้องคอกลับบ้านสักเหรียญเป็นของขวัญแฟนบอลชาวไทยขณะที่ผลอีกคู่ "โสมแดง" เกาหลีเหนือ ชนะ อิรัก 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอในเวลาปกติ 0-0 ทำให้ ทีมชาติไทย จะชิงอันดับ 3 กับ อิรัก วันที่ 2 ตุลาคมนี้ เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนามอินชอน ฟุตบอล ส่วนนัดชิงชนะเลิศ "เจ้าภาพ" เกาหลีใต้ จะเปิดศึกสายเลือดพบกับ เกาหลีเหนือ เวลา 18.00 น.