ชูโสมขาวแกร่ง แย่งทองตะกร้อ

นายกมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนตะกร้อทีมชายไทย ซึ่งนำทัพเดินทางถึงเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้แล้ว กล่าวว่า ทีมตะกร้อชายของไทย ค่อนข้างมีความพร้อมอย่างมาก ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ถึงตอนนี้ต้องรักษาสภาพร่างกายให้ดีอย่าให้เป็นหวัดหรือบาดเจ็บ มิเช่นนั้น การเปลี่ยนทีมจะทำให้ทีมเวิร์คเปลี่ยนไปทันที ขณะเดียวกันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ได้มีการปรับกติกา สำหรับผู้เล่นตำแหน่งแบ็ค ในจังหวะเสิร์ฟลูกสามารถเหยียบเส้นวงกลมได้ แต่ห้ามยกเท้าหลักที่ใช้ทรงตัวลอยขึ้นจากพื้น ซึ่งเป็นเหมือนการลดศักยภาพของนักตะกร้อไทย แต่การจะดูว่าเท้าลอยหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เชื่อว่าระหว่างการแข่งขันอาจมีปัญหาการประท้วงขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งแน่นอนโค้ชตะกร้อชายไทย กล่าวว่า ใน อินชอนเกมส์ คู่แข่งของทีมไทยยังคงเป็นเจ้าภาพ เกาหลีใต้ ที่เป็นเบอร์ 1 เพราะได้เปรียบเรื่องสภาพแวดล้อมและการตัดสิน ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะพลิกเกมได้ตลอดเวลา รองลงไปคือ มาเลเซีย ที่ต้องระวังเรื่องมาตรฐานการเล่นที่แน่นอน ทั้งนี้ จากผลงานที่ผ่านมา เกาหลีใต้ เข้าชิงชนะเลิศตะกร้อคิงส์คัพ และซูเปอร์ซีรีส์ ก็เคยเอาชนะไทยมาแล้ว โดยเกมนัดแรก ไทย จะพบกับเกาหลีใต้ ประเภททีมชุด วันที่ 23 กันยายน เป็นเกมที่สนุกแน่นอน ซึ่งทีมนักหวดลูกพลาสติกชายไทยครองทุกเหรียญทองของเอเชี่ยนเกมส์ตั้งแต่ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพ เมื่อปี 2541 ไม่เคยพลาดแม้แต่เหรียญทองเดียว ซึ่งครั้งนี้ก็จะต้องได้อีก 2 เหรียญทองเหมือนเดิมอนึ่ง สำหรับตะกร้อใน อินชอนเกมส์ พรชัย เค้าแก้ว จอมฟาดหมายเลข 1 ของไทย ที่คว้าไปแล้ว 6 เหรียญทอง จากเอเชี่ยนเกมส์ 3 ครั้งคือ ปูซาน, โดฮา และกวางโจว หาก พรชัย คว้าอีก 2 เหรียญทอง จากประเภททีมชุด และทีมเดี่ยว ในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 จะได้เหรียญทองรวม 8 เหรียญ ทำลายสถิติของ โจ้ หลังเท้า สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ที่ลงแข่งเอเชี่ยนเกมส์ 4 ครั้ง (ครั้งที่ 13-16) ได้มา 7 เหรียญทอง มากที่สุดของนักกีฬาไทย นอกจากนี้ ยังมี  สุริยัน เป๊ะชาญ ตัวชงจอมเก๋าวัย 39 ปี ลงเล่นเอเชี่ยนเกมส์มา 4 ครั้ง คว้าไป 5 ทอง หากได้ 2 ทอง อินชอนเกมส์ ก็จะทำสถิติ 7 ทองเท่ากับ สืบศักดิ์ ผันสืบ