ควรเลิกซื้อครีมที่โพสต์ขายในออนไลน์ได้แล้วหรือยัง ?

ผมเอะใจ! มาก่อนที่ตำรวจจะบุกทลายโรงงานผลิตครีมเมจิกสกินมานานแล้วว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นๆ นอกจากเป็นสินค้าอาหารและยาที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว มากไปกว่านั้นมีลักษณะการหลอกขายเป็นแพ็คใหญ่ๆ ในลักษณะดาวไลน์ หรือหาตัวแทนจำหน่ายมากกว่า

คงไม่ต้องพูดถึงต้นทุนการผลิตว่าครีมเหล่านี้มีต้นทุนถูกมากแค่ไหนถ้าได้เห็นสภาพของโรงงานที่ตำรวจบุกไปค้น และไม่แปลกใจเลยว่าเวลาขายจริงทำไมพวกเขาถึงได้ตั้งราคาขึ้นไปได้หลายระดับ

สรรพคุณจากครีมหรืออาหารเสริมความงามเหล่านี้คงเป็นเพียงโฆษณาชาวเชื่อเท่านั้น และมากกว่าการโฆษณาชวนเชื่อคือการเชิญชวนให้เชื่อว่าเป็นสินค้าขายดี ที่มักเห็นตัวแทนจำหน่าย ถ่ายภาพสลิปเงินโอนเข้ามาสั่งซื้อ และนำมาสู่การชวนมาเป็นตัวแทนจำหน่ายต่อกันเป็นทอดๆ

ในหน้าฟีดเฟซบุ๊คของผมมักเห็นเป็นภาพชินตากับโพสต์ขายครีมที่ไม่ได้ระบุเพียงสรรพคุณของครีมนี้อย่างเดียว แต่เป็นภาพของการส่งสินค้าแพ็คใหญ่ สเตตัสขอให้เปิดใจ วันนี้รวยพรุ่งนี้รวยกว่า อยากรวยต้องขายครีม คำถามคือขายครีมรวยจริงๆหรือ? มันมีความต้องการซื้อมากขนาดนั้นเชียวหรือ?

การโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นสินค้าขายดีมีออเดอร์จำนวนมากๆ กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าการขายปลีกที่ซื้อไปใช้จริงทีละกระปุก เพราะการชวนเชื่อแบบนั้นคือการหาตัวแทนจำหน่ายที่ต้องซื้อไปทีละมากๆ ทำให้ความต้องการซื้อครีมเพิ่มมากขึ้น แล้วการที่ซื้อไปทีละมากๆนั้นก็ไปชวนเชื่อคนอื่นในลักษณะเดียวกันให้มาซื้อต่อกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ ซึ่งในที่สุดครีมที่ผลิตออกไปกลายเป็นไม่มีผู้ใช้จริง แต่เป็นสินค้าที่ซื้อต่อเป็นแพ็คๆกันไปเรื่อยๆ ในรูปของตัวแทนจำหน่าย

และโชคร้ายไปกว่านั้นถ้าตัวแทนจำหน่าย หรือคนที่ลองซื้อไปใช้ ได้ใช้จริงอาจเกิดอัตรายได้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้การรับรองจาก อย. ที่อาจมีสารเคมีปนเปื้อน นอกจากจะไม่ได้บำรุงผิวหน้าแล้ว อาจทำให้หน้าพังในอนาคต

สรรพคุณของครีมเป็นเพียงการชวนเชื่อ ตอกย้ำจากการที่ดารานักแสดงจำนวนมากที่รับรีวิว แต่ไม่ได้ใช้จริง หมายความว่าโกหกชัดเจนว่าใช้แล้วได้ผลดีนี่จึงกลายเป็นคำถามตัวโตๆ ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรเลิกซื้อครีมที่ขายในออนไลน์มาใช้ได้แล้ว !!!