ตื่นตา!!วัดดังอ่างทอง สร้างอุโบสถอาเซียน ติดกระเบื้องลายคราม

17 ก.ย.60 - เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง "วัดมหานาม" ซึ่งเป็น 1 ใน 9 วัด ที่ประชาชนทั่วไปนิยมมาไหว้พระ 9 วัดในอ่างทอง ภายหลังทราบว่า "วัดมหานาม" ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้สร้างอุโบสถรองรับอาเซียน ซึ่งอุโบสถดังกล่าวตั้งตระหง่านอยู่หน้าวัด ขณะที่นายประเวศ เสริมกลิ่น อายุ 60 ปี หนึ่งในคณะกรรมการของวัด ได้พาผู้สื่อข่าตรวจสอบดูอุโบสถดังกล่าวที่เพิ่งสร้างใหม่ยังไม่มีการฝังลูกนิมิต โดยมีพระประธาน ตั้งสง่าอยู่ในอุโบสถ ส่วนผนังภายในอุโบสถติดด้วยกระเบื้องที่สั่งตรงมาจากต่างประเทศ โดยเป็นพื้นกระเบื้องสีขาว มีการวาดลวดลายเป็นรูปสัตว์ในตำนานทางพุทธศาสนาซึ่งแต่ละแผ่นบรรจงวาดอย่างอ่อนช้อย และลงด้วยสีที่ใช้ในการทำเครื่องลายครามก่อนนำไปเผา ทำให้ลวดลายมีความสวยสดงดงาม โดยที่สำคัญด้านล่างแผ่นกระเบื้อง ยังมีชื่อสัตว์เหล่านั้นเขียนเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่คู่กันด้วย ซึ่งสร้างความน่าสนใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้นายประเวศ หนึ่งในคณะกรรมการของวัด กล่าวว่า อุโบสถสร้างมาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว โดยก่อนหน้านี้ "พระครูวิสุทธิชัยคุณ" เจ้าอาวาสของวัดและเป็นเจ้าคณะอำเภอไชโย จ.อ่างทอง ได้เห็นว่าอุโบสถเดิมของวัดนั้นเก่าแก่และทรุดโทรม จึงได้สร้างอุโบสถหลังนี้ขึ้นมาแทน โดยมีความคิดที่จะสร้างอุโบสถให้สวยสดงดงามและทันสมัย ประกอบกับเป็นช่วงเปิดอาเซียนจึงได้คิดนำเรื่องอาเซียนมาประยุกต์ใช้ในวัด เนื่องจากต้องยอมรับกันว่าต่อมาประเทศจะเปิดมากขึ้น มีชาวต่างชาติมาเที่ยวตามวัดวาอารามมากขึ้น และที่สำคัญเป็นการสนับสนุนให้คนไทย ประชาชนที่มาทำบุญที่วัด ได้เรียนรู้หัดอ่านภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย ส่วนกระเบื้องที่นำมาติดนั้นกว่าจะได้แต่ละขั้นแต่ละตอน แผนหนึ่งใช้เวลาเป็นอาทิตย์ โดยนอกจากจะมีรูปของสัตว์ตามตำนานพุทธศาสนาแล้ว บริเวณพื้นที่รอบอุโบสถด้านบน ยังเป็นภาพลายไทยที่สื่อถึงธรรมะอย่างชัดเจน และสวยงาม กระเบื้องทุกแผ่นช่างวาดด้วยความประณีต

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับอุโบสถหลังนี้ จะมีพิธีฝังลูกนิมิตในช่วงเดือน ก.พ.ปีหน้า ( ปี 2561) และจะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมความสวยงาม ซึ่งนับเป็นอุโบสถหลังแรกที่มีการการออกแบบเพื่อรองรับอาเซียนและรองรับนักท่องเที่ยวแบบนี้ โดย "วัดมหานาม"นี้ สร้างขึ้นเป็นวัด เมื่อประมาณ พ.ศ.2319 แต่เดิมเรียกกันว่า "วัดอินทราราม" ต่อมาได้มีพระภิกษุรูปหนึ่ง นามว่า "พระมหาระนาม" ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดและได้มีการก่อสร้างกุฎิสงฆ์ และศาลาบำเพ็ญบุญขึ้น พร้อมทั้งยังชักชวนพระภิกษุจากอารามอื่น ๆ ให้มาอยู่จำพรรษาที่วัดนี้ด้วย ประกอบกับต่อมาชาวบ้านได้มาอุปสมบทและอยู่จำพรรษา จึงทำให้ชาวบ้านได้รับความสะดวกสบายไม่ต้องไปอาศัยวัดอื่นที่ห่างไกลออกไป ต่อมาชาวบ้านได้ทำการขนานนามเพิ่มเติมจากชื่อเดิมเป็น "วัดอินทรารามนามมหา" และต่อมาชาวบ้านได้เรียกให้สั้นและกระชับขึ้นจนกลายเป็น "วัดมหานาม" และได้รับการพระราชทานวิสุงคามสีมา ประมาณปี พ.ศ.2353