หรือจะเป็นยุทธศาสตร์ ตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่ชายแดนใต้ ?

"ดิเรก เหมนคร" ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ หรือ เปอร์มาตามาส (PERMATAMAS) อ้างผลวิจัยของกรีนพีซ ระบุผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ไกลในวงรัศมีถึง 100-200 กิโลเมตร ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครบทั้ง 3 ครั้ง แต่กันไม่ให้ผู้ที่มีความเห็นต่างเข้าร่วมเวที รวมถึงไม่มีชาวปัตตานีซึ่งอยู่บริเวณรอยต่อร่วมแสดงความคิดเห็น

เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว "มุสตารซีดีน วาบา" ครูสอนศาสนาที่สายบุรี จังหวัดปัตตานี เกรงว่า นี่จะเป็นชนวนความขัดแย้งให้ ที่ซ้ำเติมกับเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มเปอร์มาตามาส ได้ยื่นหนังสือให้แม่ทัพภาค 4 ขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า นำปัญหาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาบรรจุเป็นวาระของกระบวนการสร้างสันติสุขเพื่อลดภัยแทรกซ้อนยิ่งโหมไฟใต้ 

รายละเอียดหนังสือ ระบุ "มหันตภัยจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอย่างรุนแรงของประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่กลับมีการศึกษาผลกระทบเพียงรัศมี 5 กิโลเมตร โดยไม่มีการศึกษาผลกระทบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดอื่นๆ แม้แต่น้อย"        เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (PERMATAMAS) มีจุดยืนที่ชัดเจนในการยับยั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาอย่างถึงที่สุด เพราะนอกจากส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงในทุกๆ ด้าน ทั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การทำลายวัฒนธรรม วิถีชุมชน และประมงพื้นบ้าน การทำลายศาสนธรรมอันดีงาม จะมีการย้ายมัสยิด วัด กุโบร์ และโรงเรียนปอเนาะ ทำลายสุขภาวะทางสุขภาพร่างกาย และสร้างความฉ้อฉลจากการใช้เงินซื้อผู้นำ และประชาชนในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา แล้ว จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ เลย นอกจากมลพิษ หายนะ และความแตกแยกในชุมชน !!!